อาการและสัญญาณเริ่มต้นของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
ขึ้นชื่อว่าโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคนี้เป็นปัญหาสุขภาพชนิดร้ายแรง และสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลก การสะสมพฤติกรรมหรือจากภาวะบางอย่างจะช่วยเร่งให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือดจนหัวใจไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ การรู้ทันสาเหตุและหากสามารถสังเกตอาการของโรคนี้ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้เข้าสู่การรักษาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบคืออะไร
Coronary Artery Disease หรือ โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นโรคที่ทำให้หลอดเลือดไม่สามารถส่งเลือดไปยังหัวใจได้อย่างปกติเนื่องการตีบแคบของหลอดเลือด ซึ่งมักมีสาเหตุมาจาก Plaque หรือคราบหินปูนจากไขมันในเลือดเกาะตัวกันจนขวางทางไหลของเลือด เมื่อเลือดส่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้น้อยลงก็ส่งผลให้เกิดอาการเหนื่อยหอบ เจ็บหน้าอก โรคหลอดเลือดหัวใจสามารถอยู่ในร่างกายเป็นโดยที่เจ้าตัวไม่ทันสังเกต ก้อน Plaque จากไขมันในเลือดจะเกาะตัวกันเพิ่มขึ้นจนอาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือ หัวใจวาย
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบมีอาการอย่างไร
10 อาการเตือนโรคหัวใจและหลอดเลือด
เมื่อเกิด Plaque ภายในหลอดเลือดจะทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ดี ส่งผลให้มีอาการต่าง ๆ ดังนี้
เจ็บหน้าอก หรือปวดแน่นหน้าอก โดยเฉพาะเวลาที่ต้องออกแรงหรือออกกำลังกาย อาการเจ็บหน้าอกมักจะบรรเทาลงเมื่อหยุดทำกิจกรรมไปสักระยะ
หายใจถี่ หรือรู้สึกหายใจติดขัด
เหนื่อยหอบ จากการที่หัวใจสูบฉีดเลือดได้ยากขึ้น
วิงเวียนศีรษะ
ในบางคนอาจมีอาการที่เสี่ยงต่อภาวะหัวใจวาย เช่น
เจ็บหน้าอก และอาจปวดร้าวลามไปที่คอ ขากรรไกร แขน หลัง
ปวดแสบปวดร้อนตรงลิ้นปี่หรือท้องส่วนบน (Heartburn)
คลื่นไส้
อาเจียน
เหงื่อออกมาก
หมดสติ
หลอดเลือดหัวใจตีบเกิดจากสาเหตุใด
ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบเป็นโรคที่มักจะพบในคนที่อายุมาก ในเพศชาย เพศหญิงวัยหมดประจำเดือน และในกลุ่มคนที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคหรือภาวะบางอย่างที่เป็นปัจจัยเสี่ยง ซึ่งเราควรใส่ใจเพื่อรักษาสุขภาพหัวใจเอาไว้ เช่น
1. โรคความดันโลหิตสูง (High blood pressure) ความดันโลหิตสูงบ่งบอกว่าหัวใจทำงานหนักมากขึ้นในการสูบฉีดเลือด ความดันเลือดสูงในระยะยาวจะทำความเสียหายต่อหลอดเลือดโดยตรง ทำให้รอยโรคก่อตัวง่ายขึ้น
2. โรคเบาหวาน (Diabetes) เบาหวานเกิดจากการสร้างฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ หรือเนื้อเยื่อไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงเกินไปจนไปทำลายหลอดเลือดและเส้นประสาท
3. ภาวะไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia) ไขมันในเลือดสูงหรือมีค่าคอเลสเตอรอลรวมในเลือดสูงเกินไป เป็นสาเหตุหนึ่งของ Plaque ที่เกาะกันในหลอดเลือด ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
4. โรคอ้วน (Obesity) คนที่มีไขมันสะสมในร่างกายมาก ๆ อาจส่งผลเสียต่อร่างกายทั้งการมีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง ความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ซึ่งหลาย ๆ ปัจจัยของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมีจุดเริ่มต้นมาจากโรคอ้วน
ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้สามารถลดลงได้ด้วยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ การพักผ่อนที่มีคุณภาพ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีลดความเสี่ยงโรคและภาวะต่าง ๆ ได้อีกมากไม่ใช่แค่โรคหลอดเลือดหัวใจ
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ รักษาหายไหม
การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
คนส่วนใหญ่มักพบความผิดปกติของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ จากการตรวจสุขภาพประจำปี และไม่เคยมีอาการแสดงมาก่อน ซึ่งถือเป็นความโชคดีเพราะจะได้รับการรักษาตั้งแต่ช่วงที่อาการยังไม่รุนแรง แต่บางคนที่ไม่เคยตรวจสุขภาพประจำปี อาจเจอโรคหลอดเลือดหัวใจตีบในตอนที่เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรือจากภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งมีสาเหตุจากไขมันและหินปูนเกาะสะสมตามทางเดินหลอดเลือดจนตีบหรืออุดตัน
ทั้งสองกรณีแพทย์มักจะรักษาทางยาก่อนเป็นอันดับแรก หากอาการรุนแรงกว่านั้นหรือไม่ดีขึ้น อาจพิจารณาใช้วิธีการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน (Balloon angioplasty) แต่หากไม่สามารถใช้วิธีการรักษาทั้งทางยาและบอลลูนขยายหลอดเลือดได้ แพทย์อาจจะพิจารณาใช้วิธีการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (Bypass surgery)
การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน (Balloon angioplasty) วิธีการรักษานี้จะทำในบริเวณที่มีการตีบตันเพื่อให้เลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจอีกครั้ง โดยแพทย์จะใส่หลอดที่มีลักษณะยาว ขนาดเล็ก และปลายข้างหนึ่งมีบอลลูน ซึ่งยังไม่พองตัวเข้าไปในเส้นเลือดจนถึงตำแหน่งที่เกิดการตีบหรืออุดตันจึงถูกทำให้พองตัวและขยายหลอดเลือดบริเวณที่ตีบ แล้วจึงนำบอลลูนออก ในปัจจุบันแพทย์ยังนิยมใส่ขดลวดค้ำยันหลอดเลือดซึ่งมีลักษณะเป็นตาข่ายโลหะในจุดที่ขยายหลอดเลือดเพื่อป้องกันการกลับมาตีบซ้ำ (Vascular recoil)
การรักษาโรคหัวใจด้วยการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting) หรือที่เรียกกันว่า “การผ่าตัดบายพาส” ใช้หลักการเดียวกับการตัดถนนใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่หนาแน่น ซึ่งก็คือหลอดเลือดที่มีปัญหาตีบตัน การผ่าตัดบายพาสจะนำหลอดเลือดดำที่ขา หลอดเลือดแดงที่ผนังหน้าอกหรือหลอดเลือดแดงที่แขนมาตัดต่อคร่อมหลอดเลือดที่ตีบหรืออุดตัน เพื่อทำทางเดินเลือดใหม่โดยไม่ต้องผ่านหลอดเลือดที่อุดตัน การทำบายพาสสามารถทำได้มากกว่า 1 จุด ในเส้นเลือดเดียวกัน
สรุปโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น การรักษาในปัจจุบันจึงมีวิวัฒนาการไปมาก มีการใช้การผ่าตัดแผลเล็กเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตามการป้องกันตั้งแต่โรคยังไม่เกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และไม่ต้องเสียเงินเวลามารักษา ดังนั้นจึงควรดูแลสุขภาพ และหมั่นตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง
อาการเตือนโรคหัวใจและหลอดเลือด อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions/252