ข้อควรระวังในการใช้งานผ้ากันไฟผ้ากันไฟเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญและมีประโยชน์อย่างยิ่งในการป้องกันและรับมือกับเหตุการณ์ไฟไหม้ แต่การใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง หรือการละเลยข้อควรระวัง อาจทำให้ประสิทธิภาพของผ้าลดลง หรือก่อให้เกิดอันตรายได้ นี่คือ ข้อควรระวัง ที่สำคัญในการใช้งานผ้ากันไฟ:
1. การเลือกและเตรียมผ้าให้เหมาะสม
เลือกให้ถูกประเภท: ผ้ากันไฟมีหลายชนิด (เช่น ผ้าห่มกันไฟ, ผ้ากันสะเก็ดไฟงานเชื่อม, ผ้าม่านทนไฟ) และแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติ รวมถึงช่วงอุณหภูมิที่ทนทานได้ต่างกัน ต้องเลือกใช้ผ้าให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และระดับความร้อนของงาน หากใช้ผ้าผิดประเภท ประสิทธิภาพจะไม่เต็มที่ หรืออาจเกิดความเสียหายได้
ตรวจสอบสภาพก่อนใช้งาน: ก่อนนำผ้ากันไฟไปใช้ทุกครั้ง ต้องตรวจสอบสภาพผ้าอย่างละเอียด มองหารอยฉีกขาด, รอยไหม้, รอยรั่ว, หรือความเสียหายอื่นๆ หากพบความเสียหาย ผ้าอาจไม่สามารถป้องกันความร้อนหรือเปลวไฟได้อย่างเต็มที่ ควรเปลี่ยนผ้าใหม่ทันที
ความสะอาด: หากผ้าสกปรก มีคราบน้ำมัน จาระบี หรือสารเคมีติดอยู่ อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทนไฟ และอาจทำให้เกิดควันหรือสารพิษเมื่อโดนความร้อน
2. ข้อควรระวังระหว่างการใช้งาน
ป้องกันการสัมผัสโดยตรง:
สำหรับผ้าใยแก้ว (Fiberglass): ผ้าใยแก้วบางชนิด (โดยเฉพาะที่ยังไม่ผ่านการเคลือบ) อาจมีเส้นใยขนาดเล็กที่มองไม่เห็น ทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคืองต่อผิวหนัง ดวงตา หรือระบบทางเดินหายใจได้ ควรสวมถุงมือ แว่นตานิรภัย และหน้ากากป้องกัน ในระหว่างการติดตั้งหรือใช้งาน หากหลีกเลี่ยงการสัมผัสไม่ได้
สำหรับผ้ากันไฟทุกชนิด: แม้จะเคลือบสารแล้ว แต่ก็ไม่ควรสัมผัสกับพื้นผิวที่ร้อนจัดของผ้าโดยตรงหลังจากใช้งาน ควรปล่อยให้เย็นตัวลงก่อนเสมอ
ห้ามดัดแปลง: ห้ามตัด, เจาะ, หรือดัดแปลงผ้ากันไฟโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากผู้ผลิต เพราะอาจทำให้โครงสร้างของผ้าเสียหาย ประสิทธิภาพลดลง และอาจทำให้สารเคลือบกันไฟหลุดลอกไป
การยึดจับที่มั่นคง (สำหรับผ้ากันสะเก็ดไฟ): หากใช้ผ้ากันไฟสำหรับงานเชื่อม/เจียร ต้อง ยึดผ้าให้มั่นคงและครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้สะเก็ดไฟลอดผ่านไปได้ อาจใช้ตาไก่ (grommets) หรือคลิปยึด เพื่อให้ผ้าอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
การวาง/คลุมที่ถูกต้อง (สำหรับผ้าห่มกันไฟ):
ห้ามโยน: หากใช้ผ้าห่มกันไฟเพื่อดับเพลิง ห้ามโยนผ้าลงบนกองไฟเด็ดขาด เพราะแรงจากการโยนอาจพัดพาออกซิเจนเข้าสู่ไฟ ทำให้เปลวไฟลุกท่วม และเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน
คลุมให้มิด: ต้องคลุมแหล่งกำเนิดไฟให้มิดชิดที่สุด เพื่อตัดออกซิเจนอย่างสมบูรณ์
ห้ามยกออกเร็วเกินไป: หลังจากคลุมไฟแล้ว ให้ทิ้งผ้าไว้บนไฟเป็นระยะเวลาหนึ่ง (เช่น 15-20 นาที) หรือจนกว่าจะแน่ใจว่าไฟดับสนิทและเชื้อเพลิงเย็นลงแล้ว หากยกออกเร็วเกินไป ไฟอาจปะทุขึ้นมาใหม่ได้
ระมัดระวังควันและสารพิษ: แม้ผ้ากันไฟจะถูกออกแบบมาให้ปล่อยควันและสารพิษออกมาน้อยที่สุดเมื่อถูกความร้อน แต่ก็ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะมีควันเกิดขึ้นในปริมาณหนึ่ง หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการสูดดมควันโดยตรง และอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี
3. การจัดเก็บและการบำรุงรักษา
จัดเก็บในที่เหมาะสม: ควรจัดเก็บผ้ากันไฟในที่แห้ง สะอาด ปราศจากความชื้น แสงแดดจัด และสารเคมีต่างๆ เพื่อรักษาคุณภาพและยืดอายุการใช้งาน
ห่างไกลจากความเสียหาย: เก็บให้พ้นจากของมีคม, เครื่องจักร, หรือการจราจรที่อาจทำให้ผ้าฉีกขาดหรือเสียหายได้
ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี: หากผ้าเปื้อน ควรทำความสะอาดตามคำแนะนำของผู้ผลิตเท่านั้น (เช่น เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ หรือซักด้วยวิธีที่ระบุ) การซักหรือทำความสะอาดผิดวิธีอาจทำให้สารเคลือบกันไฟหลุดลอก หรือลดประสิทธิภาพของผ้าได้
เปลี่ยนเมื่อชำรุด: หากผ้ากันไฟเกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ควรเปลี่ยนใหม่ทันที ไม่ควรซ่อมแซมและนำกลับมาใช้งาน เพราะประสิทธิภาพในการป้องกันไฟจะลดลงอย่างมาก และอาจเป็นอันตราย
การใส่ใจในข้อควรระวังเหล่านี้ จะช่วยให้ผ้ากันไฟเป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพในการปกป้องคุณและทรัพย์สินจากเหตุการณ์อัคคีภัยได้อย่างแท้จริง.
มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานผ้ากันไฟ หรืออุปกรณ์ความปลอดภัยอื่น ๆ อีกไหมครับ?