แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 122
1
บริหารจัดการอาคาร: เลือกตำแหน่งติดตั้งแอร์บ้านอย่างไร ให้เย็นทั่วห้อง!?

หลายคนทราบกันดีว่า อาากาศในบ้านเรานั้น ร้อนอบอ้าวตลอดทั้งปี สำหรับบ้านใครที่มีเครื่องปรับอาหาศ ก็สามารถคลายร้อนได้บ้าง แต่หลายบ้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศก็ต้องทนร้อนไปตลอดทั้งวัน สำหรับคนที่มีแอร์ หลายคก็อาจจะต้องเจอกับค่าไฟที่แพงในแต่ละเดือน ซึ่งต้องแลกกับความเย็นสบาย ยิ่งในหน้าร้อนอากาศก็ยิ่งร้อนจนทำให้แอร์ต้องทำงานหนักมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากความสกปรกของแอร์ หรือตำแหน่งวางแอร์ที่ไม่เหมาะสม อาจจะทำให้ความเย็นไม่สามารถกระจายไปได้ทั่วห้อง ดังนั้น การวางตำแหน่งแอร์ที่ดี ก็มีความสำคัญมากเช่นเดียว ยิ่งเราติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมและถูกต้อง นอกจากจะทำให้ห้องเย็นสบายแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าจำนวนมหาศาลได้อีกด้วย เพียงแค่เราติดตั้งแอร์ในตำแหน่งที่ดี ซึ่งวันนี้ทางเราจะมาพูดถึงการเลือกตั้งติดตั้งแอร์ที่จะช่วยให้ความเย็นกระจายทั่วทั้งห้อง เพราะการวางตำแหน่งแอร์สามารถทำให้แอร์กระจายได้ทั่วถึง ไม่ทำงานหนัก แถมยังทำให้เราไม่เสียสุขภาพอีกด้วย

สำหรับตำแหน่งในวางแอร์ในห้องนอนเราเราควรวางแอร์ให้ลมแอร์เป่าไปในแนวขวาง ขณะที่ร่างกายได้รับการพักผ่อนนอนหลับอยู่บนเตียง ร่างกายจะมีอุณหภูมิลดลงจึงต้องวางตำแหน่งแอร์ให้ลมเป่าไปในแนวขวางของเตียงนอน เพื่อไม่ให้ความเย็นปะทะเข้ากับร่างกายโดยตรง วิธีนี้จะทำให้เราไม่ป่วยง่ายและทำให้แอร์เป่าลมเย็นสบายไปทั่วห้องอีกต่างหาก และในการติดตั้งแอร์ เราจะต้องดูรูปทรงห้องหรือลักษณะของห้องว่าห้องเป็นรูปทรงแบบไหน รวมถึงมีขนาดห้องเล็ก กลาง หรือใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่คอนโดหรือบ้านมักจะออกแบบเป็น รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ดังนั้นการติดตั้งแอร์ควรเป็นแนวยาว เพื่อให้ความเย็นกระจายได้อย่างทั่วถึงทุกมุมห้องนั่นเอง และที่สำคัญมากที่สุดคือ ควรเลือกตำแหน่งที่ทำความสะอาดได้สะดวก เพราะแอร์ของเราควรได้รับการดูแลทำความสะอาดอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง นอกจากจะช่วยทำให้แอร์มีความสะอาด ให้เราได้สูดดมอากาศที่บริสุทธิ์แล้ว ยังช่วยประหยัดค่าไฟ ดีต่อสุขภาพของคนในบ้านอีกด้วย


ดังนั้น หลังจากวางแอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว เราต้องคำนึงถึงการทำความสะอาด ซึ่งก็ไม่ควรให้ชิดเพดานหรือฝ้ามากเกินไป จะทำให้ถอดชิ้นส่วนออกมาล้างลำบาก และจะทำให้เพดานเกิดความชื้นได้ง่ายจนกลายเป็นเชื้อรา เป็นอันตรายต่อคนในบ้าน นอกจากนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ข้างใต้แอร์ ต้องสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย พอเวลาช่างมาล้างหรือเราทำความสะอาดเองจะได้ไม่เลอะเทอะสกปรก และอีกข้อหนึ่งที่เราควรจะใส่ใจคือ ตำแหน่งของแอร์ เราไม่ควรอยู่ตรงข้ามกับจุดนั่งหรือจุดนอน โดยตำแหน่งตรงกันข้าม หมายถึง ตำแหน่งที่ผู้อยู่อาศัยต้องใช้งานระยะยาว อาจเป็นการนั่งทำงานทั้งวัน นอนหลับพักผ่อนตลอดค่ำคืน เนื่องด้วยหากลมเย็นของแอร์กระทบกับร่างกายโดยตรงต่อเนื่องยาวนาน มักส่งผลให้ร่างกายเจ็บป่วย ผิวแห้ง ระคายเคืองตา เกิดอาการภูมิแพ้ได้ง่าย ตัวอย่างเช่น กรณีห้องนอนไม่ควรให้ตรงข้ามเตียงนอน กรณีห้องทำงาน ไม่ควรตรงข้ามกับตำแหน่งโต๊ะทำงาน แต่หากเป็นตำแหน่งที่ใช้งานชั่วคราว เช่น โต๊ะอาหาร, มุมรับแขก หรือโซนอื่น ๆ ที่ใช้งานชั่วคราวจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตาม การวางตำแหน่งของคอมเพรสเซอร์ ก็มีความสำคัญ เราควรวางคอมเพรสเซอร์ในบริเวณที่ระบายความร้อนได้ดี เป็นที่โปร่ง ไม่มีสิ่งกีดขวาง

วางตัวเครื่องให้ห่างจากกำแพงออกมาเล็กน้อย ควรวางไว้ที่ระเบียงข้างนอก หากไม่มีระเบียงให้แขวนกับผนังด้านข้าง หรือหาพื้นที่แขวนที่โล่ง ลมจะได้ไม่ตีลมร้อนกลับมา นอกจากนี้ ควรวางบริเวณที่สามารถระบายความร้อนได้ดีและส่งเสียงรบกวนได้โดยไม่รบกวนสิ่งรอบข้าง ยกระดับให้เหนือพื้นดินอย่างต่ำ 10 เซนติเมตร หรือพ้นจากระดับที่น้ำสามารถท่วมถึง และอยู่ในบริเวณที่ซ่อมบำรุงได้ง่าย และสิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอร์บริเวณที่มีโอกาสติดไฟได้ เพราะน้ำยาแอร์บางชนิดสามารถติดไฟได้บ้างจึงควรเลี่ยงเอาไว้ก่อน จะเห็นได้ว่า เทคนิคของการใช้งานแอร์นั้น มีหลายปัจจัยที่จะต้องคำนึงถึง เพราะทุกอย่างล้วนมีความสัมพันธ์กัน ก็จะช่วยทำให้ประหยัดไฟ ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น

ดังนั้น หากบ้านไหนอยากจะติดตั้งแอร์ หรือปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับการจัดการอาคาร ไม่ว่าจะเป็น ระบบทำความเย็น การทำความสะอาด หรืองานช่างต่างๆ สามารถติดต่อทาง เราได้ อยากให้ทุกคนได้อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ที่มีความสะอาด เพื่อช่วยให้เราได้มีสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากเชื้อโรคและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทางเรามีบริการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะเพื่อให้ทุกคนได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สะอาดเพราะเราห่วงใยในความปลอดภัยของลูกค้า เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในทุกสภาพแวดล้อม ทั้งนี้ เรายังได้มีการคัดสรรสิ่งที่จะนำมาใช้ในการทำความสะอาด เพื่อให้เหมาะสมกับสถานที่นั้นๆมากที่สุด เพื่อให้ทุกคนได้ปลอดภัย และลดความเสี่ยงของการสัมผัสเชื้อโรคด้วย

2
บริการทำความสะอาด: เคล็ดลับ คืนความเงาวับให้อ่างล้างจาน

ในเรื่องของความสะอาดภายในบ้าน ถือว่าเป็นสิ่งที่แม่บ้านหลายคนอาจจะหนักใจเนื่องจากบ้านของเราเมื่อเวลาผ่านไปก็อาจจะเก่าทรุดโทรมได้จากการใช้งานทุกวันเช่นเดียวกับอ่างล้านจาน อ่างล้างหน้าที่อาจจะมีคราบฝังแน่นจากการที่เราไม่ได้ทำความสะอาดและต้องใช้ล้างจานทุกวัน ทำให้คราบสกปรกสะสมเป็นจำนวนมากและยิ่งบริเวณอ่างเป็นบริเวณที่เราใช้ชะล้างคราบสกปรก ซึ่งก็ต้องดูแลให้มีความสะอาดอยู่เสมอถ้าหากไม่ทำความสะอาดแล้ว อาจจะทำให้เกิดสิ่งหมักหมมมากมายจนทำให้เกิดการอุดตันได้และยิ่งอ่างล้านจานอุดตันก็จะส่งกลิ่นเหม็นภายในบ้าน และจะทำให้บรรยากาศภายในบ้านไม่น่าอยู่

ดังนั้น บริเวณอ่างล้างจาน หรืออ่างล้างหน้า เราจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดเป็นประจำและไม่ควรนำสิ่งแปลกปลอมเช่น เส้นผม เศษพลาสติก ทิ้งลงในท่อ ควรที่กรองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันดังนั้น วันนี้ทาง SN Service ของเราจะมาพูดถึงเคล็ด(ไม่)ลับที่จะช่วยคืนความใสและความสะอาดให้กับอ่างล้างจานของบ้านเราให้มีความสะอาดป้องกันการเกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์และเป็นต้นตอของปัญหาแมลงสาบบุกบ้านด้วยเพราะฉะนั้น การทำความสะอาดทุกจุดภายในบ้าน จึงไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยทิ้งไว้ได้เพื่อสุขอนามัยของคนในบ้านของเรา

ต้องบอกก่อนเลยว่า แม่บ้านหลายคนมีความหนักใจกับปัญหากลิ่นของอ่างล้างจานเชื่อว่าหลายบ้านต้องเคยเจอปัญหาเหล่านี้ เพราะคราบสกปรกในอ่างล้างจาน เป็นปัญหาน่าหงุดหงิดรำคาญของแม่บ้านหลายคนที่ต้องลงแรงขัด ทำความสะอาดอยู่เสมอๆขัดไปได้ไม่เท่าไหร่ คราบก็ขึ้นอีก ทั้งคราบน้ำ คราบไขมัน หรือ แม้แต่เศษอาหารตกค้างเพราะความที่อ่างล้างจานถูกใช้ล้างทั้งจานและชามที่เปื้อนอาหารเป็นประจำจึงเต็มไปด้วยความสกปรกต่างๆ ที่ทำให้เกิดคราบไม่สวยงาม ไม่น่าดู ซึ่งภายในห้องครัว อ่างล้างจาน เป็นอุปกรณ์ ที่ใช้ในการล้างจาน ต้องมีการเปิดน้ำและที่มักจะมีคราบสกปรกสะสมอยู่เสมอ ทำให้ต้องทำความสะอาดอยู่บ่อยๆเพื่อให้อ่างล้างจานสะอาดปราศจากเชื้อโรคที่มาจากคราบสกปรกและเศษอาหารนั่นเอง


สำหรับเคล็ดลับ

            เปิดน้ำในอ้างให้เปียกทั่วทั้งซิงค์ล้างจานแล้วนำเบคกิ้งโซดาโรยให้ทั่วซิงค์ล้างจาน ทิ้งไว้สักพักจนกว่าผงเบกกิ้งโซดาจะจับตัวเป็นก้อนจากนั้นก็ใช้น้ำสะอาดล้างออก และใช้แปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วจุ่มน้ำยาล้างจานนำมาขัดให้ทั่วอ่างล้างจานให้สะอาดหมดจด และขัดรอบๆก๊อกซิงค์ล้างจานให้ทั่ว จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด
            หลังจากนั้น ใช้ผ้าสะอาดเช็ดจนแห้งและนำทิชชู่แปะในอ่างล้างจาน แล้วหยดน้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อยโดยคลุมไว้ให้ทั่วอ่างซิงค์ล้างจาน ทิ้งไว้ประมาณ20นาที เมื่อครบตามเวลาที่กำหนดให้นำทิชชู่ออกจากอ่างล้างจานแล้วบีบน้ำมะนาวให้ทั่วอ่าง และนำซีกของมะนาวมาขัดให้ทั่วเพื่อลดกลิ่นเหม็น กลิ่นคาว ที่เกิดขึ้นจากการทำอาหารแล้วใช้ฟองน้ำซับน้ำยาล้างจาน เช็ดให้ทั่วซิงค์ล้างจานอีกครั้ง แล้วล้างออกให้สะอาดเกลี้ยงเกลา


วิธีการแก้ไขท่ออ่างล้างจานมีกลิ่น

            ใส่น้ำแข็งลงไป พร้อมเกลือ 1 ถ้วยและเพื่อขจัดกลิ่นหมักหมมของเศษอาหารในท่อน้ำทิ้ง บีบน้ำมะนาวลงไปในท่อน้ำทิ้ง ซ้ำอีกครั้งเพื่อขจัดกลิ่นให้หมดจดซึ่งต้องเตือนเลยว่า
            อย่ามองข้ามการทำความสะอาดจุดเล็กๆ เหล่านี้ เพราะมันบ่งบอกถึงสุขอนามัยของคนในบ้านถ้าห้องครัวสกปรกก็จะส่งผลต่อสุขภาพของคนในบ้านได้

อย่างไรก็ตาม ทางเรา อยากให้ทุกครอบครัวได้สร้างบรรยากาศภายในครอบครัวให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่เสมอด้วยการทำความสะอาดบ้านช่องให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น เพราะปัจจัยหลายๆอย่างในบ้านของเรา สามารถสร้างบรรยากาศที่ดีในบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นการที่เราได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีๆได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี เพราะสุขภาพที่ดีสามารถทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งนี้

ทางเรามีบริการทำความสะอาดบ้าน หรือภายในอาคารต่างๆรวมไปถึงยังมีบริการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ห้างสรรพสินค้าเพราะเราห่วงใยและใส่ใจในเรื่องสุขอนามัยของลูกค้ามาเป็นอันดับแรกเสมอ

3
วัดหนองแหวนเที่ยวชมเจดีย์ เชิญชวนใส่ชุดขาวศึกษาหลักพุทธธรรมในการลดความเครียดในชีวิตประจำวัน

วัดหนองแหวนเป็นอีกหนึ่งวัดสำคัญในจังหวัดจันทบุรี ที่น่าสนใจทั้งในแง่ของสถาปัตยกรรมที่งดงามและประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่น ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลายเหมาะใส่ชุดขาว ชุดขาวชาย ชุดขาวหญิง ชุดขาวปฏิบัติธรรม มาเที่ยววัดหนองแหวนเป็นสถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบสำหรับผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรม

แสวงหาความสงบในกิจกรรมทางจิตวิญญาณ วัดแห่งนี้มีสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นจุดหมายปลายทางในอุดมคติสำหรับทั้งผู้ปฏิบัติธรรมและผู้เริ่มต้นที่ต้องการเจาะลึกความเข้าใจในคำสอนของพุทธศาสนา

ค้นพบวัดหนองแหวน
วัดหนองแหวน หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดหนองแหวน ตั้งอยู่ในพื้นที่สีเขียวขจีของจังหวัดจันทบุรี บริเวณวัดได้รับการดูแลอย่างดี มีสวนสวยและสระน้ำที่เงียบสงบสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย สถาปัตยกรรมของวัดผสมผสานระหว่างการออกแบบแบบไทยดั้งเดิมและองค์ประกอบสมัยใหม่ ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดสายตา

สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดหนองแหวน
อุโบสถ: อุโบสถของวัดหนองแหวนมีความงดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์ หลังคาทรงมณฑป ประดับด้วยช่อฟ้าใบระกาอันวิจิตรบรรจง ภายในประดิษฐานพระประธานองค์ใหญ่และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เล่าเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา
วิหาร: วิหารเป็นอีกหนึ่งอาคารสำคัญที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์ และมีการจัดสร้างพระวิหารเล็ก ๆ ไว้สำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
เจดีย์: เจดีย์ของวัดหนองแหวนมีลักษณะเด่นคือมีฐานกว้างและเรียวสูงขึ้นไปจนถึงยอดแหลม บ่งบอกถึงความเป็นศิลปะแบบไทยโบราณ
หอระฆัง: หอระฆังเป็นอาคารที่ใช้สำหรับตีระฆังเพื่อบอกเวลาและแจ้งข่าวสารสำคัญ ๆ
สวนและบ่อน้ำ: บริเวณรอบ ๆ วัดมีการจัดสร้างสวนและบ่อน้ำไว้เพื่อความสวยงามและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ

ปฏิบัติธรรมที่วัดหนองแหวน
วัดมีโปรแกรมและกิจกรรมต่างๆ มากมายสำหรับผู้ที่สนใจปฏิบัติธรรม เช่น การทำสมาธิ เทศนาธรรม และการอบรมเจริญสติ พระสงฆ์ประจำวัดล้วนมีประสบการณ์และเป็นมิตร คอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้มาเยี่ยมชมทุกท่าน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญบางประการเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมที่วัดหนองแหวน:

เซสชั่นการทำสมาธิ : เซสชั่นการทำสมาธิทุกวันจะจัดขึ้นในห้องทำสมาธิอันเงียบสงบ เซสชั่นเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ฝึกปฏิบัติทุกระดับ ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นจนถึงผู้ฝึกปฏิบัติขั้นสูง สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบช่วยให้ผู้เข้าร่วมบรรลุถึงสภาวะของสติและสมาธิที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ธรรมบรรยาย : พระภิกษุสงฆ์จะจัดธรรมบรรยายเป็นประจำ โดยครอบคลุมถึงปรัชญาและแนวทางปฏิบัติทางพุทธศาสนาในแง่มุมต่างๆ ธรรมบรรยายเหล่านี้ให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการนำธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวัน

เวิร์กช็อปฝึกสติ : วัดยังจัดเวิร์กช็อปที่เน้นการฝึกสติ เวิร์กช็อปเหล่านี้จะสอนเทคนิคในการมีสติและตระหนักรู้ในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยลดความเครียดและปรับปรุงสุขภาพโดยรวมให้ดีขึ้น

บรรยากาศแห่งจิตวิญญาณ
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดประการหนึ่งของวัดหนองแวงคือบรรยากาศทางจิตวิญญาณ บริเวณวัดเต็มไปด้วยรูปปั้น ศาลเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการไตร่ตรองและอุทิศตน ผู้เยี่ยมชมมักพบว่าสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและการมีพระสงฆ์อยู่ด้วยช่วยให้พวกเขารู้สึกเชื่อมโยงกับการปฏิบัติธรรมมากขึ้น

เยี่ยมชมวัดหนองแหวน
ผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของวัดหรือใช้เวลาไปกับการทำสมาธิอย่างเงียบๆ วัดเปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี และไม่มีค่าธรรมเนียมในการเข้าร่วมกิจกรรม อย่างไรก็ตาม เรายินดีรับบริจาคเพื่อช่วยบำรุงรักษาวัดและสนับสนุนโครงการต่างๆ

สำหรับผู้ที่เดินทางไปจันทบุรี วัดหนองแหวนเป็นสถานที่ที่ต้องไปเยือนให้ได้ ไม่ว่าคุณกำลังมองหาสถานที่ปฏิบัติธรรมเพื่อผ่อนคลายจิตใจหรือเพียงแค่ต้องการสถานที่สงบเงียบเพื่อคิดทบทวนและเติมพลัง วัดแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์แบบ

ข้อมูลเชิงปฏิบัติ
ที่ตั้ง : วัดหนองแหวน จังหวัดจันทบุรี ประเทศไทย
กิจกรรม : ปฏิบัติธรรม, บรรยายธรรม, อบรมเจริญสติ
เปิดทำการ : ตลอดปี
ค่าเข้าชม : ฟรี (ยินดีรับเงินบริจาค)
กฎการแต่งกาย : ต้องแต่งกายสุภาพ กรุณาแต่งกายสุภาพ

การปฏิบัติธรรมที่วัดหนองแหวนเป็นโอกาสพิเศษที่จะได้ดื่มด่ำกับคำสอนของพุทธศาสนาในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและเป็นมิตร ไม่ว่าคุณจะเป็นคนในพื้นที่หรือเป็นนักท่องเที่ยวที่ผ่านจังหวัดจันทบุรี การมาเยี่ยมชมวัดแห่งนี้สามารถช่วยให้คุณหลีกหนีจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันได้อย่างมาก คว้าโอกาสในการฝึกสติ ทำสมาธิ และฟังพระธรรมเทศนาอันลึกซึ้งที่วัดอันเงียบสงบแห่งนี้

4
Doctor At Home: นิ่วน้ำดี (Gallstone)

นิ่วน้ำดี (นิ่วในถุงน้ำดี ก็เรียก) หมายถึงก้อนนิ่วที่เกิดอยู่ในถุงน้ำดี ซึ่งประกอบด้วยสาร 3 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่ คอเลสเตอรอล บิลิรูบิน (สารสีเหลืองในน้ำดี ซึ่งเกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง) และแคลเซียม โดยมีองค์ประกอบแบบหลากหลายและสัดส่วนของสารประกอบต่าง ๆ กันไป ทำให้เกิดนิ่วขึ้นมากมายหลายชนิด ซึ่งสามารถจัดแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ออกเป็น 3 ชนิดหลัก ได้แก่ (1) นิ่วคอเลสเตอรอล (cholesterol stone) ประกอบด้วยคอเลสเตอรอลเป็นหลัก คือ มีส่วนประกอบของคอเลสเตอรอลมากกว่า ร้อยละ 70 ในประเทศแถบตะวันตกพบนิ่วชนิดนี้เป็นส่วนใหญ่ (2) นิ่วเม็ดสี (pigment stone) ประกอบด้วยบิลิรูบินเป็นหลัก โดยมีส่วนประกอบของคอเลสเตอรอลน้อยกว่า ร้อยละ 30 ในประเทศแถบเอเซียพบนิ่วชนิดนี้ได้ราวร้อยละ 30-80 (3) นิ่วผสม (mixed stone) ซึ่งประกอบด้วยสารต่าง ๆ แบบหลากหลาย โดยมีส่วนประกอบของคอเลสเตอรอลระหว่างร้อยละ 30-70 ซึ่งมีการศึกษานิ่วน้ำดีในประเทศไทยพบว่า มีนิ่วผสมมากถึงประมาณร้อยละ 70 และมีนิ่วคอเลสเตอรอลเพียงประมาณร้อยละ 25

ก้อนนิ่วอาจมีขนาดเล็กเท่าเม็ดทราย หรือขนาดใหญ่เท่าลูกกอล์ฟหรือไข่ไก่ อาจเกิดเป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียว หรือก้อนเล็ก ๆ หลายก้อน (อาจถึงร้อย ๆ ก้อน) ก็ได้ นิ่วน้ำดีส่วนใหญ่พบในถุงน้ำดีเพียงอย่างเดียว ส่วนน้อยที่อาจพบในท่อน้ำดีเพียงอย่างเดียว หรือพบทั้งในถุงน้ำดีและท่อน้ำดี

นิ่วน้ำดีเป็นโรคที่พบได้บ่อย (พบได้ประมาณร้อยละ 5-10 ของประชากร) ซึ่งผู้ป่วยกว่าครึ่งหนึ่งจะไม่มีอาการแสดง และไม่รู้ตัวว่ามีนิ่วอยู่ในถุงน้ำดี จนกว่าแพทย์จะตรวจพบโดยบังเอิญ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการมักมาพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้องเป็นสำคัญ และจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด

โรคนี้ส่วนใหญ่พบในคนอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป และพบได้มากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น มักไม่พบในคนอายุต่ำกว่า 20 ปี พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 1.5-2 เท่า

มักพบในผู้สูงอายุ คนอ้วน หญิงที่ตั้งครรภ์ หญิงที่มีบุตรหลายคน หรือกินยาเม็ดคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนเอสโทรเจน ผู้ที่ชอบกินอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคธาลัสซีเมีย ตับแข็ง หรือโรคติดเชื้อของระบบทางเดินน้ำดี ผู้ที่อดอาหารหรือลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว หรือผู้ที่กินยาลดไขมันกลุ่มโคลไฟเบรต

ผู้ที่มีประวัติพ่อแม่หรือญาติพี่น้องเป็นโรคนิ่วน้ำดี มีความเสี่ยงของการเป็นโรคนี้ได้มากขึ้น ซึ่งมักพบเป็นนิ่วชนิดคอเลสเตอรอล

สาเหตุ

เกิดจากความไม่สมดุลของสารที่เป็นส่วนประกอบของน้ำดีในถุงน้ำดี ทำให้มีการตกตะกอนเป็นผลึก ซึ่งค่อย ๆ สั่งสมเป็นเวลานานหลายปี จนกลายเป็นก้อนนิ่วในที่สุด สันนิษฐานว่ามีสาเหตุมาจากปัจจัยที่แตกต่างกันของนิ่วแต่ละชนิด ดังนี้

นิ่วคอเลสเตอรอล ซึ่งประกอบด้วยคอเลสเตอรอลเป็นหลัก มักมีลักษณะออกเป็นสีขาว เหลือง น้ำตาล หรือเขียวเข้ม เกิดจากการมีสัดส่วนของคอเลสเตอรอลในน้ำดีที่สูง แล้วตกตะกอนเป็นผลึกนิ่ว ทั้งนี้ อาจเกิดจาก (1) มีการหลั่งคอเลสเตอรอลมาที่ถุงน้ำดีมากกว่าปกติ เช่น ในคนอ้วน หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่เป็นเบาหวาน ผู้ที่กินอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง และกินอาหารที่มีกากใยต่ำ ลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็วภายในเวลาสั้น ๆ หรือกินยาโคลไฟเบรตในการลดไขมันในเลือด (2) ตับมีการหลั่งกรดน้ำดี (ซึ่งเป็นตัวทำละลายคอเลสเตอรอล) น้อยกว่าปกติ ทำให้มีคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง เช่น ผู้ที่กินยาเม็ดคุมกำเนิด ผู้ที่เป็นตับแข็ง หรือ (3) เกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง 2 อย่าง เช่น ในผู้สูงอายุ ผู้ที่กินฮอร์โมนเอสโทรเจน

นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากปัจจัยเสริม เช่น ถุงน้ำดีมีการบีบตัวน้อย (hypomotility) ทำให้น้ำดีค้างอยู่ในถุงน้ำดีนานขึ้น จึงเกิดการตกตะกอนเป็นผลึกนิ่ว เช่น ผู้ที่อดอาหาร (ทำให้ถุงน้ำดีไม่ทำงานเพราะไม่มีการย่อยอาหาร) หญิงตั้งครรภ์ (เนื่องจากมีฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนที่สูงขึ้น) ผู้ป่วยเบาหวาน (เนื่องจากเบาหวานทำให้เกิดภาวะประสาทที่ควบคุมถุงน้ำดีเสื่อม) เป็นต้น

อาจพบเป็นก้อนเดี่ยว ๆ หรือหลายก้อนพร้อมกัน

นิ่วเม็ดสี ซึ่งประกอบด้วยบิลิรูบินเป็นหลัก มีลักษณะออกเป็นสีดำหรือน้ำตาล เกิดจากมีบิลิรูบิน (ชนิด unconjugated  bilirubin) ในน้ำดีสูงเกินไป ทำให้จับตัวกับแคลเซียม ตกตะกอนเป็นผลึกนิ่ว ซึ่งแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่

(1) นิ่วเม็ดสีดำ (black pigment stone) มักพบในผู้ที่มีภาวะเม็ดเลือดแดงแตกเรื้อรัง (เช่น ธาลัสซีเมีย) หรือผู้ป่วยตับแข็ง (ที่มีความดันในหลอดเลือดดำของตับสูง และม้ามโต เม็ดเลือดแดงจะถูกม้ามจับทำลายมากกว่าปกติ) หรือร่วมกันทั้งสองอย่าง มักพบเป็นก้อนเล็ก ๆ มีหลายก้อน

(2) นิ่วเม็ดสีน้ำตาล (brown pigment stone) มักพบในผู้ที่มีการติดเชื้อของทางเดินน้ำดีเรื้อรัง หรือเป็นโรคพยาธิในทางเดินน้ำดี นิ่วชนิดนี้เกิดได้ทั้งในถุงน้ำดีและทางเดินน้ำดี อาจพบเป็นก้อนเดี่ยว ๆ หรือหลายก้อนพร้อมกัน

อาการ

ส่วนใหญ่ของผู้ที่มีนิ่วน้ำดีจะไม่มีอาการผิดปกติแสดงให้เห็นแต่อย่างใด และมักตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจร่างกายด้วยโรคอื่น

ในรายที่ก้อนนิ่วเคลื่อนไปอุดในท่อน้ำดี (bile duct) จะมีอาการปวดบิดรุนแรงเป็นพัก ๆ ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา ซึ่งอาจปวดร้าวมาที่ไหล่ขวา หรือบริเวณหลังตรงใต้สะบักขวา และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย บางรายอาจปวดรุนแรงจนเหงื่อออก เป็นลม

อาการปวดท้องมักเป็นหลังกินอาหารมัน ๆ หรือกินอาหารมื้อหนัก แต่อาจเกิดตอนกลางคืนหรือเวลาอื่นใดก็ได้ แต่ละครั้งจะปวดนาน 15-30 นาที บางรายอาจนาน 2-6 ชั่วโมง และจะทุเลาไปเอง เมื่อเว้นไปนานเป็นแรมสัปดาห์ แรมเดือน หรือแรมปีก็อาจกำเริบได้อีก (ถ้าปวดท้องทุกวันมักจะไม่ใช่เป็นนิ่วน้ำดี)

บางรายอาจมีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เกิดขึ้นตามหลังอาการปวดท้อง

บางรายอาจมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อบริเวณเหนือสะดือ เรอ คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายอาการของอาหารไม่ย่อยหรือโรคกระเพาะ ซึ่งมักจะเป็นหลังกินอาหารมัน ๆ เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง

ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย คือ นิ่วหลุดออกจากถุงน้ำดีลงมาอุดตันบริเวณปากถุงน้ำดี ทำให้เกิดถุงน้ำดีอักเสบ จากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ซึ่งอาจรุนแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เป็นต้น

นอกจากนี้ นิ่วอาจหลุดลงมาอุดตันบริเวณท่อน้ำดีร่วม (common bile duct) ทำให้น้ำดีไหลออกไม่ได้ เกิดท่อน้ำดีอักเสบ จากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน

หรือนิ่วอาจหลุดลงมาอุดตันบริเวณปลายท่อน้ำดีร่วม ทำให้ท่อตับอ่อน (ที่มาเชื่อมต่อกับส่วนปลายของท่อน้ำดีร่วม) อุดตัน น้ำย่อยในตับอ่อนออกไม่ได้ และไหลย้อนกลับไปที่เนื้อตับอ่อน ทำให้ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันรุนแรง

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้แต่ค่อนข้างน้อยมาก (พบได้น้อยกว่า 1 รายในผู้ที่เป็นนิ่วน้ำดี 10,000 คน) คือ การกลายเป็นมะเร็งถุงน้ำดี (gallbladder cancer)*

*มะเร็งถุงน้ำดี เป็นมะเร็งที่พบได้ค่อนข้างน้อย มักพบในคนอายุมากกว่า 65 ปี พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะพบว่ามีก้อนนิ่วน้ำดีขนาดใหญ่กว่า 3 ซม. หรือเป็นถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังและผนังของถุงน้ำดีมีแคลเซียม (หินปูน) พอก นอกจากนี้ ยังอาจมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น โรคติ่งเนื้อในถุงน้ำดี (gall bladder polyp) เบาหวาน ภาวะอ้วน การสูบบุหรี่ การดื่มสุราจัด การมีประวัติพ่อแม่หรือญาติพี่น้องเป็นมะเร็งถุงน้ำดี เป็นต้น ผู้ป่วยมักมีอาการเมื่อเป็นมากแล้ว โดยจะมีอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน บางรายอาจมีไข้สูง คลำได้ก้อนที่ใต้ชายโครงขวา หรือเบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดมาก

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากซักถามประวัติการเจ็บป่วยและอาการแสดง การตรวจร่างกายมักไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน ยกเว้นบางรายอาจมีอาการตาเหลือง หรืออาจตรวจพบอาการกดเจ็บเล็กน้อยบริเวณใต้ลิ้นปี่และใต้ชายโครงขวา

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง (abdominal ultrasound) เป็นหลัก

ในรายที่ยังวินิจฉัยไม่ได้แน่ชัด หรือสงสัยเป็นนิ่วก้อนเล็กหรือนิ่วที่ติดอยู่ในท่อน้ำดี หรือสงสัยมีภาวะแทรกซ้อน อาจทำการตรวจด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น การตรวจระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้องที่ติดอัลตราซาวนด์ (endoscopic ultrasound) การถ่ายภาพรังสีตรวจถุงน้ำดีโดยการกินสารทึบรังสี (oral cholecystography) เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การส่องกล้องตรวจทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (endoscopic retrograde cholangiopancreatography/ERCP ซึ่งระหว่างการตรวจ หากพบก้อนนิ่ว ก็สามารถให้การรักษาโดยนำก้อนนิ่วออกมา) เป็นต้น

นอกจากนี้ แพทย์อาจทำการตรวจเลือด ในรายที่สงสัยมีการติดเชื้อหรือการอักเสบของถุงน้ำดี ท่อน้ำดี ตับอ่อน หรือสงสัยมีโรคอื่น (เช่น ตับแข็ง เบาหวาน ธาลัสซีเมีย) ร่วมด้วย

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ผู้ป่วยที่เป็นนิ่วน้ำดีที่ยังไม่มีอาการแสดงอะไรแต่ตรวจพบโดยบังเอิญ ขณะที่ไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาโรคอื่น (เช่น โรคของกระเพาะอาหาร โรคตับ อาการปวดท้องที่ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน) ซึ่งมักพบจากการตรวจอัลตราซาวนด์หรือเอกซเรย์ช่องท้อง แพทย์ก็จะให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว โดยไม่มีการให้ยาหรือการผ่าตัดรักษาแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง หรืออายุน้อย เนื่องเพราะมักไม่ก่อเกิดภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะนัดติดตามดูเป็นระยะ จนกว่าจะมีอาการแสดง (เช่น ปวดท้อง) จึงค่อยทำการรักษาด้วยการผ่าตัด ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีโอกาสเกิดอาการปวดท้องจากนิ่วน้ำดีที่ซ่อนอยู่ประมาณร้อยละ 10-20 ในระยะ 5-20 ปีหลังการวินิจฉัย ซึ่งมีโอกาสเกิดอาการปวดท้องโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 1-2 ต่อปี

แพทย์อาจพิจารณาทำการผ่าตัดผู้ป่วยที่ไม่มีอาการแสดง ในรายที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น นิ่วน้ำดีที่ตรวจพบว่ามีแคลเซียมพอกที่ผนังของถุงน้ำดี หรือมีก้อนนิ่วขนาดใหญ่กว่า 3 ซม. ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งถุงน้ำดี, นิ่วขนาดเล็กที่อาจหลุดลงมาอุดที่ท่อน้ำดีร่วม ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดท่อน้ำดีอักเสบ หรือตับอ่อนอักเสบ นิ่วน้ำดีที่พบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือเป็นโรคเรื้อรัง (เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง ตับแข็ง เป็นต้น) เนื่องเพราะหากรอให้มีอาการแสดงและเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นแล้ว ซึ่งจำเป็นต้องทำการผ่าตัดแบบฉุกเฉิน จะมีโอกาสเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตมากกว่าการผ่าตัดในขณะที่ร่างกายยังแข็งแรงดี และมีการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด

ในกรณีที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดช่องท้องด้วยสาเหตุอื่น แพทย์อาจถือโอกาสทำการผ่าตัดรักษานิ่วน้ำดีที่ไม่แสดงอาการที่มีอยู่เดิมนั้นพร้อม ๆ กันไป หากเห็นว่าเหมาะสม

2. ในรายที่มีอาการปวดท้อง มีแนวทางดังนี้

(1) แพทย์จะรักษาโดยการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกแบบไม่เร่งด่วน คือ นัดหมายมาทำผ่าตัดในเวลาที่เหมาะสม (ซึ่งขึ้นกับความรุนแรงของโรคและการเตรียมความพร้อมสำหรับการผ่าตัด) ระหว่างรอนัดมาผ่าตัด แพทย์อาจให้ยาบรรเทาอาการปวดท้อง และแนะนำว่าถ้าปวดท้องรุนแรงขึ้นหรือบ่อยขึ้น ก็ให้กลับมาพบแพทย์ก่อนวันนัดผ่าตัด

(2) ถ้ามีภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ ถุงน้ำดีอักเสบ ท่อน้ำดีอักเสบ หรือตับอ่อนอักเสบ ซึ่งมักมีอาการปวดท้องรุนแรง ไข้สูง และอาจมีดีซ่านร่วมด้วย ก็จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล โดยให้ยารักษาภาวะแทรกซ้อน (เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด ยาแก้ไข้ ให้น้ำเกลือ) ให้ทุเลาก่อน แล้วจะทำการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกในเวลาที่เหมาะสม ยกเว้นในรายที่มีภาวะที่รุนแรง (เช่น ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า เชื้อเข้ากระแสโลหิต หรือโลหิตเป็นพิษ) หรือการรักษาด้วยยาไม่ได้ผลเท่าที่ควร แพทย์ก็จะทำการผ่าตัดแบบเร่งด่วนเลย                     

การผ่าตัด ในปัจจุบันนิยมผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง (laparoscopic cholecystectomy) โดยการส่องกล้องเข้าช่องท้อง ผ่านแผลที่เจาะเป็นรูเล็ก ๆ ที่หน้าท้อง 3-4 จุด (เพื่อสอดอุปกรณ์และกล้อง) ซึ่งจะเจ็บแผลเพียงเล็กน้อยและหายได้เร็ว ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านภายใน 1-2 วัน และพักงานประมาณ 7-10 วันก็กลับไปทำงานได้ตามปกติ

ในกรณีที่มีนิ่วในท่อน้ำดีร่วมด้วย แพทย์จะทำการรักษาด้วยการส่องกล้องตรวจทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (ERCP) แล้วนำเอานิ่วออกมา ซึ่งแพทย์อาจทำก่อนหรือระหว่างการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีก็ได้ โดยพิจารณาตามสภาพปัญหาที่พบ

ส่วนการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิดหน้าท้อง (open cholecystectomy) ซึ่งเป็นวิธีผ่าตัดแบบเดิม แพทย์จะเลือกใช้ในกรณีที่ถุงน้ำดีที่มีอาการอักเสบรุนแรงหรือแตกทะลุในช่องท้อง หรือในรายที่ไม่เหมาะที่ใช้วิธีผ่าตัดแบบส่องกล้อง (เช่น ผู้ป่วยที่มีเยื่อบุช่องท้องอักเสบ เป็นมะเร็งถุงน้ำดี ตับแข็งระยะรุนแรง มีภาวะโลหิตเป็นพิษ หรือการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ, มีประวัติเคยผ่าตัดช่องท้องมาก่อน, หญิงตั้งครรภ์ระยะไตรมาสท้าย, ผู้ที่มีภาวะอ้วนจัด เป็นต้น)

หลังการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ ผู้ป่วยต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานประมาณ 3-5 วัน หรือนานเป็นสัปดาห์ และไม่ควรทำงานหนักหรือยกของหนักอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ได้ผลดี ร่างกายฟื้นตัวหายเป็นปกติ

ส่วนน้อยอาจมีความยุ่งยากในการรักษา หรือเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต ซึ่งมักจะพบในผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง (เช่น ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า เชื้อเข้ากระแสโลหิตหรือโลหิตเป็นพิษ), มีภาวะดื้อต่อยาที่รักษา, หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง ตับแข็ง เป็นต้น)

การดูแลตนเอง

หากสงสัยเป็นนิ่วน้ำดี เช่น ปวดท้องแบบปวดบิดเกร็งเป็นพัก ๆ ที่บริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวาหลังกินอาหารเป็นบางมื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังกินอาหารมัน หรือมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อยเรื้อรัง หรือกินยารักษาโรคกระเพาะไม่ได้ผล ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นนิ่วน้ำดี ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด
    ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการแสดง หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยและไม่บ่อย ซึ่งแพทย์นัดติดตามดูอาการเป็นระยะนั้น ควรปฏิบัติ ดังนี้

- ทำงาน และออกกำลังกายได้เป็นปกติ แต่ไม่ให้หักโหมมากเกินไป
- กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ควรอดอาหาร
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันชนิดอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง เช่น ไขมันสัตว์ เครื่องในสัตว์ หนังสัตว์ น้ำมันหมู มันหมู หมูสามชั้น หมูกรอบ ขาหมู ข้าวมันไก่ เนื้อวัวติดมัน หมูยอ กุนเชียง ไส้กรอก เนย ครีม กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม ไข่แดง อาหารทะเล (เช่น หอยแครง หอยนางรม ปลาหมึก) อาหารทอด (เช่น แคบหมู ไก่ทอด กล้วยแขก ปาท่องโก๋ มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบทอด) เป็นต้น
- กินผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชให้มาก ๆ
- งดสูบบุหรี่และดื่มสุรา
- ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการปวดท้องรุนแรงหรือปวดท้องบ่อย มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด (โดยไม่ตั้งใจ) หรือมีความวิตกกังวล
 

    ผู้ปวยที่กลับจากโรงพยาบาลหลังผ่าตัด

- ควรพักฟื้น และหลีกเลี่ยงการทำงานหนักหรือยกของหนักจนกว่าจะฟื้นตัวเป็นปกติ หรือตามที่แพทย์แนะนำ
- ดูแลรักษาแผลผ่าตัดตามที่แพทย์แนะนำ
- กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารโปรตีนให้มาก เช่น นมพร่องมันเนย ไข่ขาว เนื้อปลา เต้าหู้ ถั่วเหลือง เป็นต้น
- กินอาหารที่ย่อยง่าย วันละ 5-6 มื้อ แต่ละมื้อลดปริมาณลงเหลือครึ่งหนึ่งของปกติ (จากที่เคยกิน วันละ 3 มื้อ)
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง และอาหารที่ทำให้ท้องอืดแน่น หรือท้องเดิน
- กินผักผลไม้ ถั่ว ธัญพืชให้มาก ๆ
- ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้าแผลอักเสบ, หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินมาก ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด (โดยไม่ตั้งใจ), หรือถ้ากินยาที่แพทย์สั่งให้แล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ)

การป้องกัน

การปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรค

1. รักษาน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินหรือเป็นโรคอ้วน

2. ถ้าต้องการลดน้ำหนักตัว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อแนะนำวิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้อง ไม่ลดเร็วเกินไป เนื่องเพราะการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี

3. กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ข้ามมื้ออาหาร หรืออดอาหาร

4. ลดอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง

5. กินอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช

6. ออกกำลังกายเป็นประจำ

ข้อแนะนำ

1. การวินิจฉัยโรคนิ่วน้ำดีให้แน่ชัด ไม่สามารถอาศัยเพียงอาการแสดงและการตรวจร่างกาย แต่จำเป็นต้องทำการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ ปัจจุบันแพทย์จะทำการวินิจฉัยด้วยการตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้องเป็นหลัก ซึ่งเป็นวิธีที่ดีกว่าการเอกซเรย์ช่องท้องแบบธรรมดา (plain abdomen) เหตุผลก็คือ การเอกซเรย์อาจตรวจไม่พบก้อนนิ่วประมาณร้อยละ 50 ของผู้ป่วยที่เป็นนิ่วน้ำดี เนื่องเพราะเป็นนิ่วที่มีส่วนประกอบของคอเลสเตอรอลหรือบิลิรูบินเป็นหลัก แต่มีส่วนประกอบของแคลเซียม (หินปูน) น้อย (เช่น นิ่วคอเลสเตอรอล นิ่วเม็ดสีน้ำตาล) ซึ่งมีคุณสมบัติโปร่งรังสี (รังสีผ่านได้) ทำให้ไม่เห็นภาพของนิ่วบนฟิล์มเอกซเรย์

2. การรักษานิ่วน้ำดี แพทย์จะรักษาด้วยการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกไปด้วย เนื่องเพราะหากเอาแต่นิ่วออกและคงถุงน้ำดีไว้ มีโอกาสกลับเป็นนิ่วขึ้นใหม่ได้อีก

การไม่มีถุงน้ำดี ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย ถุงน้ำดีทำหน้าที่เป็นตัวเก็บพักน้ำดีจากที่ตับสร้าง แล้วปล่อยน้ำดีลงมาตามท่อน้ำดีร่วมเข้าสู่ลำไส้เล็กเพื่อการย่อยไขมัน แม้จะไม่มีถุงน้ำดี ตับยังคงสร้างน้ำดีได้ตามปกติและไหลลงมาตามท่อน้ำดีโดยตรง แต่จะมีความเข้มข้นน้อยกว่าน้ำดีที่เก็บพักในถุงน้ำดี หลังผ่าตัดใหม่ ๆ ผู้ป่วยบางคนอาจมีปัญหาการย่อยไขมันได้ ทำให้มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเดิน หรือถ่ายเหลวบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกินอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัว ทำให้อาการทุเลาไปได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์ ระหว่างที่มีอาการ แนะนำให้ผู้ป่วยงดกินอาหารที่มีไขมันสูงและอาหารที่ทำให้ท้องอืดแน่น หรือท้องเดิน ควรกินผัก ผลไม้ และธัญพืชให้มาก ๆ

3. ผู้ที่เป็นนิ่วน้ำดี บางครั้งอาจมีอาการที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคกระเพาะ เนื่องเพราะจะมีลักษณะปวดเป็นครั้งคราวที่บริเวณใต้ลิ้นปี่คล้าย ๆ กัน ดังนั้น หากคิดว่าเป็นโรคกระเพาะ กินยารักษาโรคกระเพาะแล้วไม่ทุเลา หรือเป็นเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด

4. ผู้ป่วยที่มีอาการแบบนิ่วน้ำดี บางรายแพทย์อาจตรวจพบว่าเป็นเพียงของเหลวข้น เหนียวหนืด คล้ายโคลน ที่อยู่ในถุงน้ำดี เรียกว่า "ตะกอนในถุงน้ำดี (gallbladder sludge/biliary sludge)" ซึ่งมีส่วนประกอบคล้ายนิ่วน้ำดี เป็นภาวะที่พบได้น้อย เกิดจากถุงน้ำดีมีการบีบตัวน้อย ทำให้น้ำดีค้างอยู่ในถุงน้ำดีนานจนตกตะกอน มักพบในหญิงขณะตั้งครรภ์ ผู้ที่ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ป่วยที่แพทย์ให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ (parenteral nutrition) หรืออาจเกิดเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยา (เช่น ceftriaxone) ภาวะนี้อาจหายได้เอง หรือเป็น ๆ หาย ๆ หรือกลายเป็นนิ่วน้ำดีก็ได้

ตะกอนน้ำดีอาจไม่มีอาการ (ตรวจพบโดยบังเอิญ) ถ้ามีอาการปวดท้อง หรือมีภาวะแทรกซ้อน ซึ่งมักพบเป็นแบบเดียวกับนิ่วน้ำดี จำเป็นต้องทำการตรวจวินิจฉัยแบบเดียวกับนิ่วน้ำดี และรักษาด้วยการผ่าตัดถุงน้ำดี

5. ในปัจจุบันไม่แนะนำให้รักษาด้วยการใช้ยาละลายนิ่วน้ำดี เพราะได้ผลน้อย ยกเว้นในรายที่มีความเสี่ยงสูงต่อการผ่าตัด แพทย์อาจให้กินยาละลายนิ่วน้ำดี* ซึ่งได้ผลดีกับผู้ป่วยที่เป็นนิ่วคอเลสเตอรอล และมีลักษณะก้อนนิ่วเล็ก ๆ หลายก้อน โดยอาจต้องกินยานานเป็นปี ๆ แต่หลังหยุดยาอาจเกิดนิ่วขึ้นใหม่ได้ประมาณร้อยละ 10 ต่อปี

*ยาละลายนิ่วน้ำดี คือ ursodeoxycholic acid  หรือ chenodeoxycholic acid ซึ่งมีฤทธิ์ลดการสร้างคอเลสเตอรอลที่ตับที่ไหลลงมาในถุงน้ำดี ทำให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีลดปริมาณลง ช่วยให้นิ่วก้อนเล็ก ๆ ค่อย ๆ ละลายไปได้

5
Doctor At Home: ท้องเดินจากไวรัส (Viral gastroenteritis)

โรคท้องเดิน หรืออุจจาระร่วงเฉียบพลันที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย มักพบในเด็กเล็ก ส่วนมากจะมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง มักพบติดต่อกันได้ง่าย บางครั้งอาจมีการระบาดในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือผู้สูงอายุ โรงเรียน เป็นต้น

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งมีอยู่หลายชนิด เช่น ไวรัส โคโรนา (coronavirus) ไวรัสอะดีโน (adenovirus) ไวรัสแอสโตร (astrovirus) ไวรัสคาลิซิ (calicivirus) ไวรัสนอร์วอล์ก (Norwalk virus) เป็นต้น ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ บางชนิดก็อาจติดต่อโดยการไอ จาม หรือหายใจรดกัน หรือการปนเปื้อนเชื้อในอุจจาระเข้าทางเดินหายใจ (fecal respiratory transmission)

เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคท้องเดินเฉียบพลัน ซึ่งพบได้ในทุกวัย แต่พบบ่อยในเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอายุ 6-24 เดือน) ได้แก่ ไวรัสโรตา (rotavirus) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ โรคนี้พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ ส่วนใหญ่ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ป่วย และสามารถติดต่อทางการหายใจได้ ระยะฟักตัว 1-2 วัน

อาการ

มักมีไข้สูง ถ่ายเป็นน้ำบ่อย อาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย มักจะเป็นอยู่นานเพียงไม่กี่วัน แต่บางรายอาจนาน 1-2 สัปดาห์

สำหรับโรคท้องเดินจากไวรัสโรตา เริ่มแรกจะมีอาการปวดท้อง อาเจียนนำมาก่อน แล้วจึงมีอาการถ่ายเป็นน้ำตามมา อุจจาระมีลักษณะเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว มักมีไข้สูงร่วมด้วย บางรายอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดร่วมด้วย อาการมักเป็นอยู่นาน 5-7 วัน ในรายที่เป็นไม่มากก็มักจะหายได้เอง แต่ถ้ามีอาการอาเจียนหรือถ่ายท้องรุนแรง ก็อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงได้


ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรงมักเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง

อาจทำให้เกิดภาวะพร่องแล็กเทส เนื่องจากเยื่อบุลำไส้เล็กที่อักเสบไม่สามารถสร้างเอนไซม์ชนิดนี้ชั่วคราว ทำให้มีอาการท้องเดินเรื้อรังตามมาได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งอาจตรวจพบไข้ และภาวะขาดน้ำ

ในกรณีที่จำเป็น แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ เพื่อยืนยันการวินิจฉัย


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้การรักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้-พาราเซตามอล และให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่

2. หากกินไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำรุนแรง จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

การดูแลตนเอง

หากมีอาการถ่ายเป็นน้ำร่วมกับไข้ หรือสงสัยมีอาการท้องเดินจากไวรัส ควรดูแลตนเองดังนี้

1. กินอาหารที่ย่อยง่าย (เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก) รสไม่เผ็ดและไม่มันจัด งดผักและผลไม้

สำหรับทารก ให้ดื่มนมแม่ได้ตามปกติ ถ้าดื่มนมผงในระยะ 2-4 ชั่วโมงแรก ให้ผสมนมเจือจางลงเท่าตัว

2. ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ ครั้งละ 1/2-1 ถ้วย (250 มล.) บ่อย ๆ จนสังเกตเห็นมีปัสสาวะออกมากและใส จึงค่อยเว้นระยะห่างขึ้น

3. ถ้ามีไข้สูง ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล*

4. ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หรืออุจจาระมีกลิ่นเหม็นจัด
    ถ่ายรุนแรง อาเจียนมาก ปวดท้องรุนแรง หรือดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ได้น้อย (สังเกตพบปัสสาวะออกน้อย และมีสีเข้มอยู่เรื่อย ๆ)
    มีภาวะขาดน้ำค่อนข้างรุนแรง สังเกตพบมีอาการปากแห้ง คอแห้ง ลิ้นเป็นฝ้าหนา ตาโบ๋ ปัสสาวะออกน้อย
    มีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนศีรษะ ใจหวิวใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว

สำหรับทารก มีท่าทางซึม ไม่ร่าเริง กระหม่อมบุ๋ม 

    มีไข้เกิน 3-4 วัน หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก หนังตาตก หรือพูดอ้อแอ้
    มีประวัติกินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย คางคก เห็ด (ที่สงสัยว่าเป็นเห็ดพิษ) หรือสงสัยว่าเกิดจากการกินสารพิษ
    มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยอหิวาต์
    ดูแลตนเอง 24 ชั่วโมงแล้วไม่ทุเล
    หลังกินยามีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ 
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ


การป้องกัน

1. ปฏิบัติเช่นเดียวกับการป้องกันท้องเดิน

2. ควรแยกผู้ป่วยไม่ให้คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น ถ้าผู้ป่วยมีอาการไอ จาม ควรปิดปาก อย่าไอหรือจามรดใส่ผู้อื่น

3. ผู้ดูแลทารกหรือเด็กเล็ก (เช่น ในสถานรับเลี้ยงเด็ก) ควรล้างมือกับสบู่ทุกครั้งที่ชำระก้นเด็กหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีอาการคล้ายไข้หวัดร่วมกับท้องเดิน บางรายจึงเรียกว่า "หวัดลงกระเพาะ" หรือ "ไวรัสลงกระเพาะ"

2. อาการจะคล้ายกับอาหารเป็นพิษ หรือบิดชิเกลลา ระยะแรกหลังให้การรักษาควรเฝ้าดูอาการเปลี่ยนแปลง ถ้าถ่ายเป็นมูกเลือดตามมาควรให้การรักษาแบบบิดชิเกลลา

3. ถ้ามีภาวะพร่องแล็กเทสตามมา ควรให้เด็กงดนมมารดาและนมวัว ให้ดื่มนมถั่วเหลืองแทน และให้การดูแลแบบภาวะพร่องแล็กเทส

6
มอเตอร์โชว์: ชม Avatr 012 รถยนต์ไฟฟ้า Limited Edition เปิดพรีเซลเริ่ม 3.36 ล้านบาท เพียง 700 คันเท่านั้น

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Avatr 012 เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการที่งาน 2024 Avatr Brilliant Night ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน รถคันนี้เป็นการดีไซน์ร่วมกันกับ Kim Jones ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ Dior และ Fendi

 Avatr 012 เปิดราคาเริ่มต้นที่ 700,000 หยวนหรือ 3.36 ล้านบาท ในจำนวนจำกัดเพียง 700 คันเท่านั้น พร้อมกับแถมกระเป๋าผ้า Dior มาให้ในรถ 1 ใบด้วย

 มิติตัวถัง Avatr 012
ความยาว 5,020 มม.
ความกว้าง 1,999 มม.
ความสูง 1,450 มม.
ระยะฐานล้อ 3,020 มม.

 รถคันนี้มีพื้นฐานเดียวกับ Avatr 12 โมเดลปี 2024 ทำให้รถทั้งสองมีขนาดใกล้เคียงกัน

 ชาร์จเร็ว พร้อมขุมพลัง 570 แรงม้า วิ่งไกล 350 กม.

 ขุมพลังของ Avatr 012 นั้นมาจากระบบ DriveONE ของ Huawei จับคู่กับแบตเตอรี่ 5C Qilin ของ CATL ซึ่งมอบความสามารถในการชาร์จแบตเตอรี่เร็วสุดจาก 30 - 80% ได้ภายใน 10 นาที ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ยังไม่เปิดเผยในตอนนี้

 อย่างไรก็ตาม DongCheDi สื่อมวลชนจากจีนระบุว่า Avatr 012 จะมีขุมพลังที่ให้กำลังสูงสุด 570 แรงม้า (425 kW) และแรงบิดอันมหาศาลที่ 650 นิวตันเมตร ซึ่งประกอบด้วยมอเตอร์ด้านหน้า 261 แรงม้า (195 kW) แรงบิด 280 นิวตันเมตร และด้านหลัง 308 แรงม้า (230 kW) แรงบิด 370 นิวตันเมตร และให้ระยะทางขับขี่สูงสุด 650 กม. ตามมาตรฐาน CLTC

 ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนล้อ Forged ขัดเงาขนาด 21 นิ้ว รวมถึงมีออพชันล้ำสมัยอย่าง กล้องกระจกมองข้าง และมือจับประตูที่แนบไปกับตัวรถ

ดีไซน์จาก Avatr 12 แต่หรูหรามากกว่า

 สำหรับดีไซน์ของ Avatr 012 ส่วนใหญ่จะนำมาจาก Avatr 12 แต่มาพร้อมความแตกต่างที่มากกว่า เริ่มด้วยสีภายนอก “liquid silver” ดีไซน์ด้านหน้าแบบแยกส่วน E-shaped มีหน้าจอ interactive HALO screen ภายนอกรถที่ประกอบด้วยดวงไฟเล็ก ๆ กว่า 10,500 ดวง และมีเซนเซอร์ LiDAR อยู่ภายในกระจังหน้า

 สำหรับกระจังหน้าสามารถเปิด-ปิดเพื่อรับอากาศเพิ่มเติมได้ ขณะเดียวกันก็มี เซนเซอร์ LiDAR อีก 2 จุดบริเวณซุ้มล้อของรถเพื่อรองรับระบบ ADAS ผ่านระบบ Huawei Qiankun ADS 3.0

 นอกจากนี้ ด้านหลังเราจะเห็นไฟท้ายแบบแยกส่วน และสปอยเลอร์ท้ายเป็ดอีกด้วย

 ภายในสไตล์ล้ำ

 ห้องโดยสารของ Avatr 012 ยังใช้ดีไซน์ของ Avatr 12 มาพร้อมโทนสีห้องโดยสารที่อบอุ่น ภายในรถใช้ระบบปฏิบัติการ Huawei’s HarmonyOS 4 ออกแบบโดยลดปุ่มกดที่ไม่จำเป็นออกไป พร้อมกับพวงมาลัยทรง polygon, หน้าจอกลาง 15.6 นิ้ว, หน้าจอ 4K ขนาด 35.4 นิ้ว ซึ่งประกอบด้วยมาตรวัดและระบบความบันเทิง

 ขณะเดียวกันก็ยังมีหน้าจอสำหรับแสดงผลกล้องกระจกมองข้าง ทั้งซ้าย-ขวา อีกด้วย นอกจากนี้ Avatr ยังคัสตอมโลโก้ใหม่บนพวงมาลัยและเสา B

  นอกจากนี้ บริเวณพนักพิงเบาะนั่งยังสลักโลโก้สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Avatr and Kim Jones อีกด้วย

 สำหรับเพดานของห้องโดยสารยังออกแบบบรรยากาศให้เป็นกลุ่มดาว starry skylight design และเบาะแถวหลังยังหุ้มด้วยหนัง Nappa พร้อมออพชั่นสุดพรีเมียมอย่าง จอความบันเทิงขนาดใหญ่ และที่วางแขนซึ่งมีฟังก์ชันมากมาย

  Avatr 012 จำกัดเพียง 700 คัน

 Avatr 012 คือ Avatr 12 เวอร์ชั่นหรูที่มีจำนวนจำกัด ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยพร้อมกับความ exclusive และไม่เหมือนใครเป็นอย่างมาก

7
คอนโดติดรถไฟฟ้า ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต (Dcondo Hype Rangsit)
เริ่มต้น 1.39 ลบ.

ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต (Dcondo Hype Rangsit)
ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต ใกล้เพียง 250 เมตร จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ* ติดถนนใหญ่พหลโยธิน เข้าเมืองสะดวก ใกล้ทางด่วนอุตราภิมุข รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, โรงพยาบาลภัทร-ธนบุรี, Zpell และ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ          ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต (Dcondo Hype Rangsit)
 เจ้าของโครงการ     แสนสิริ
 แบรนด์ย่อย           ดีคอนโด
 ราคา                 เริ่มต้น 1.39 ลบ.

 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.   โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล          คอนโดในเมือง
 ความสูงคอนโด        Low Rise (ไม่เกิน 8 ชั้น)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์     โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี        สตูดิโอ, 1 ห้องนอน
 ขนาดห้องที่มี          ตั้งแต่ 22.00 ถึง 34.25 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด          4 ไร่
 จำนวนตึก              2 อาคาร
 จำนวนชั้น              8 ชั้น
 จำนวนห้อง             546 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด      ประมาณ 30 %
 ค่าบำรุงส่วนกลาง     โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค        สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card, อื่นๆ (Lobby, Game Room, Multi-Purpose Studio, สวนผักปลอดสารพิษ ลานสเก็ตบอร์ด พื้นที่ซักผ้า-อบผ้า อินเทอร์เน็ตไร้สาย (สำหรับโถงต้อนรับ, ห้องออกกำลังกาย, ห้องทำงานส่วนกลาง, สวนส่วนกลาง))

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน       ปทุมธานี, คลองหลวง, ธัญบุรี, ลำลูกกา
 ที่ตั้ง       ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:            ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม, สถานี(บางซื่อ - รังสิต)(รังสิต)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง

ไลฟ์สไตล์
เมกา โฮม 170 เมตร
ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 6 กม.
สเปลล์ 6.2 กม.
ตลาดไท 5.4 กม.
ตลาดสี่มุมเมือง 11 กม.

สถานศึกษา
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 500 เมตร
AIT International School 7 กม.

โรงพยาบาล
โรงพยาบาลภัทรธนบุรี 800 เมตร
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 5.8 กม.

 ปีที่สร้างเสร็จ
2024

8
โรคปอดติดเชื้ออันตราย โรคร้ายแรงมีมักมาพร้อมหน้าฝน

หน้าฝนทีไรทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็มักจะเป็นไข้หวัด ไอจาม กันอยู่เสมอ แต่หนึ่งในโรคร้ายที่เป็นอันตรายถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ก็คือ “โรคปอดติดเชื้อ” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในแต่ละปี เพื่อป้องกันและทำให้เราห่างไกลจากความร้ายกาจของโรคปอดติดเชื้อนี้ให้มากขึ้น การทำความเข้าใจและทำความรู้จักโรคนี้ไว้ จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม

 
ปอดติดเชื้อคืออะไร และทำไมเชื้อถึงเข้าไปติดที่ปอดได้ ?

ปอดติดเชื้อคือการที่ “เชื้อโรค” เข้าสู่ร่างกายคนเราแล้วลงลึกไปจนถึงปอด แต่กว่าที่เชื้อโรคจะผ่านเข้าไปถึงปอดซึ่งเป็นด่านสุดท้ายของทางเดินหายใจได้นั้น จำเป็นต้องผ่านหลายอวัยวะด้วยกัน ตั้งแต่ จมูก คอ หลอดลมเล็ก หลอดลมใหญ่ นั่นจึงหมายความว่า เมื่อใดก็ตามที่ “เชื้อโรค” ผ่านเข้ามาถึง “เนื้อปอด” ได้แล้ว ย่อมแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีความรุนแรงและเป็นอันตรายมาก

 

โดยเชื้อโรคสามารถเข้าไปสู่ปอด เข้าสู่ร่างกายเราได้ด้วยสาเหตุหลักๆ 2 ทาง คือ จากการสูดลมหายใจ และจากทางเลือด ซึ่งก็คือติดเชื้อมาจากส่วนอื่นๆ แล้วกระจายมาสู่ปอดผ่านทางเลือดนั่นเอง แต่โดยส่วนมากแล้วจะเกิดจากการสูดเอาเชื้อเข้าสู่ร่างกายผ่านทางการหายใจแล้วลงไปสู่ปอดมากกว่า

 
ปอดจะติดเชื้อได้ง่ายแค่ไหน มีปัจจัยใดบ้างเป็นตัวกำหนด ?

โดยปกตินั้นร่างกายของคนเราก็จะมีภูมิต้านทานในการป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคต่างๆ ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีเชื้อโรคบางชนิดที่สามารถเจาะเกราะป้องกันเข้าสู่ร่างกายได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปอดของคนเรามีโอกาสติดเชื้อได้ โดยแบ่งได้ดังนี้

    เชื้อโรคเป็นเชื้อร้ายที่มีความรุนแรงมาก ทำให้สามารถทะลุทะลวงไปถึงปอดได้สำเร็จ ทั้งนี้โรคปอดติดเชื้อ สามารถเกิดได้จากเชื้อโรคหลายประเภท อาทิ เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย พยาธิ เชื้อรา เชื้อวัณโรค แต่ที่พบโดยมากคือเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
    ภูมิคุ้มกันร่างกายเราไม่ดี คือ เชื้ออาจไม่ได้ร้ายแรงแต่ร่างกายเราไม่แข็งแรง เลยทำให้เชื้อผ่านเข้าไปสู่ปอดได้ง่ายกว่าคนปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ป่วยโรคปอด โรคหอบหืด ถุงลมโป่งพอง หรือคนที่เคยมีประวัติปอดติดเชื้อมาก่อน เคยมีแผล ฝี หรือโพรงในปอดมาก่อน
    รับประทานยาที่มีผลต่อภูมิคุ้มกันร่างกาย เช่น กลุ่มคนไข้ที่ทานยากดภูมิ ทำให้ภูมิคุ้มกันโดยรวมไม่แข็งแรงพอจะต่อต้านเชื้อได้ หรือกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับสารเคมี ได้รับการทำเคมีบำบัด จะมีโอกาสปอดติดเชื้อได้มากกว่า เพราะภูมิคุ้มกันถูกทำลายจากยาที่ได้รับ
    ได้รับเชื้อในปริมาณมากเป็นประจำ แม้จะไม่ใช่เชื้อร้ายและเรามีคุ้มกันร่างกายที่ดี แต่หากเราไปอยู่ในสถานที่ที่มีเชื้อโรคอยู่ในปริมาณมาก และได้รับสัมผัสกับเชื้อปริมาณมาก หรือเป็นประจำ โดยเฉพาะในที่ที่มีคนเป็นพาหะมีเชื้ออยู่ ก็สามารถทำให้เราได้รับเชื้อ และเกิดเป็นปอดติดเชื้อได้

 
ทำไม ปอดติดเชื้อจึงพบได้มากในฤดูฝน ?

เบื้องต้นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เชื้อโรคจะเดินทางได้ก็ต่อเมื่อมี “พาหะ” เป็นตัวนำ เพราะเชื้อโรคไม่สามารถกระโดดหรือเดินทางจากที่หนึ่งมาสู่ร่างกายเราโดยตรงได้ ซึ่ง “พาหะ” ที่เป็นตัวนำพาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายคนเราได้ดีนั้น ก็คือ ละอองน้ำ ละอองฝน และละอองฝุ่นในอากาศนั่นเอง โดยเชื้อโรคจะเกาะติดกับละอองเหล่านี้ แล้วลอยอยู่ตามอากาศ จนเราสูดเอาละอองที่มีเชื้อโรคเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายและลุกลามไปสู่ปอด จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมในหน้าฝน ผู้คนถึงเป็นโรคปอดติดเชื้อกันมาก ก็เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีพาหะนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเป็นปริมาณมากนั่นเอง

 
สังเกตอาการอย่างไร ถึงน่าสงสัยว่าอาจใช่ปอดติดเชื้อ ?
อาการที่เป็นสัญญาณบอกเราว่าอาจเป็น “โรคปอดติดเชื้อ” สามารถสังเกตได้ ดังนี้

    มีไข้สูง หนาวสั่น
    มีอาการไอ หอบเหนื่อย
    เจ็บชายโครง เวลาหายใจเข้า-ออก

 

ทั้งนี้ หากพิจารณาผิวเผินอาจมองว่าอาการของปอดติดเชื้อ คล้ายกับอาการไข้หวัดธรรมดาหรือไข้หวัดใหญ่ทั่วไป แต่ในความเป็นจริงจะมีจุดสังเกตที่แตกต่างกันคือ โรคปอดติดเชื้อ จะไม่มีอาการการเจ็บคอ ไม่มีน้ำมูกไหล แต่ไข้หวัดทั่วไปจะมี 2 อาการนี้ร่วมด้วย นอกจากนั้น หากปอดติดเชื้อในขั้นรุนแรงสามารถสังเกตได้จากการหายใจเข้าออก จะรู้สึกเจ็บเสียดบริเวณหน้าอกหรือชายโครง เพราะติดเชื้อรุนแรงจนมีน้ำขังในบริเวณเยื่อหุ้มปอด ซึ่งหากพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูฝน ควรรีบพบแพทย์ทันที

 
วินิจฉัยอย่างไร ถึงแน่ใจว่าเป็นโรคปอดติดเชื้อ ?

เมื่อพบอาการผิดสังเกตแล้วมาปรึกษาแพทย์ แพทย์จะทำการวินิจฉัยด้วยการซักประวัติ สอบถามอาการ หลังจากนั้นก็จะฟังปอด โดยหากปอดเปรอะ หรือติดเชื้อ เสียงของปอดจะดังขวักแขวกขรุขระ เพราะมีน้ำมีหนองอยู่ข้างใน แต่หากปอดปกติ ก็จะเป็นเสียงราบรื่น ไม่มีอะไรขวางเหมือนเสียงผิวปากที่ลมพัดผ่านอย่างสงบ ซึ่งหลังการฟังแพทย์ก็จะสามารถตั้งข้อสังเกตได้ทันทีว่าผิดปกติหรือไม่ และหลังจากนั้นจะส่งคนไข้ไปทำการเอกซเรย์ต่อไป เพื่อดูว่ามีปื้น มีจุด หรือรอยเบาะแสของโรคอื่นๆหรือไม่ และเมื่อได้คำตอบแล้ว ก็จะพิจารณาหาทางรักษาตามเหมาะสมต่อไป

 
รักษาอย่างไร เมื่อวินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรคปอดติดเชื้อ ?

แนวทางในการรักษาโรคปอดติดเชื้อจะใช้ “การให้ยาฆ่าเชื้อ” เป็นหลัก โดยกฎเหล็กของการรักษาโรคปอดติดเชื้อ ก็คือ ยิ่งคนไข้ได้รับยาฆ่าเชื้อเร็วแค่ไหน อัตรารอดชีวิต อัตราการหายเป็นปกติก็ยิ่งสูงมากเท่านั้น โดยเฉพาะปอดติดเชื้อจากการติดเชื้อในกระแสเลือด หากได้รับยาฆ่าเชื้อภายในครึ่งชั่วโมง ก็จะทำให้มีอัตราการรอดชีวิตที่สูงมาก แต่กลับกันถ้าหากได้รับยาฆ่าเชื้อช้าโดยเลยครึ่งชั่วโมงไปแล้ว ก็จะทำให้อัตรารอดชีวิตนั้นลดน้อยลง

 

ดังนั้นในการรักษาโรคปอดติดเชื้อ จึงต้องเฝ้าสังเกตอาการผิดปกติให้ดี อย่าชะล่าใจซื้อยามาทานเองเพราะคิดว่าแค่เป็นหวัด แต่ควรรีบมาพบแพทย์ มาตรวจพบให้ไว รู้ให้เร็ว และให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อรักษาให้ทัน เพื่อลดความเสี่ยงอันตรายที่อาจถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้

 
เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หรือไม่ เมื่อเป็นโรคปอดติดเชื้อ ?

โดยปกติแล้วการให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อรักษาโรคปอดติดเชื้อจะเห็นผลภายใน 72 ชั่วโมง ว่าทิศทางของอาการจะเป็นอย่างไรหลังจากให้ยาฆ่าเชื้อ ซึ่งถ้าหากภายใน 72 ชั่วโมงแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์จะทำการเอกซเรย์ซ้ำ เพื่อดูว่ามีอาการแทรกซ้อนหรือไม่ โดยภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ ก็คือ การเกิดฝีหรือหนองที่ปอด ซึ่งหากพบลักษณะนี้ อาจต้องพิจารณารักษาด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม หรืออาจเกิดภาวะมีน้ำในเยื่อหุ้มปอด หรือเชื้ออาจกระจายลุกลามออกจากปอดไปสู่กระแสเลือดและวิ่งเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งนับว่าเป็นอันตรายมาก

 

ทั้งนี้ หากเกิดภาวะแทรกซ้อนเป็นฝีขึ้นที่ปอด แพทย์จะทำการปรับยาในการรักษาให้แรงขึ้น แต่หากอาการยังไม่ทุเลา ก็จะพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัด เพื่อเจาะเอาหนองออก ส่วนในกรณีเกิดภาวะแทรกซ้อนมีน้ำในเยื่อหุ้มปอด แพทย์จะพิจารณาว่าเป็นน้ำลักษณะไหน ใสหรือขุ่น หรือเป็นหนอง และหากมีปริมาณน้ำมาก ก็ต้องเจาะเพื่อระบายน้ำออก

 

อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการรักษาโรคปอดติดเชื้อนั้น โดยทั่วไปแพทย์จะทำการเก็บเสมหะของคนไข้ไปเพาะเชื้อ เพื่อตรวจหาว่าเป็นเชื้อชนิดใด และปรับยารักษาอาการให้เหมาะกับเชื้อนั้นๆ ดังนั้นหากตรวจพบไวก็จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ อย่างไม่ต้องวิตกกังวลใจมากนัก

 
ดูแลตัวเองอย่างไร ให้ปลอดภัยจากโรคปอดติดเชื้อ ?

แนวทางในการป้องกันและดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคปอดติดเชื้อนั้น สามารถทำได้โดยใช้หลักการเดียวกันกับการป้องกันโรคในระบบทางเดินหายใจโรคอื่นๆ คือ

    หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ชุมชนที่มีผู้คนพลุกพล่าน หรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกันเอาไว้ทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรารู้ตัวเองดีว่ากำลังป่วยอยู่ หรือมีสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันต่ำ เพราะเราไม่มีทางทราบได้เลยว่าใครจะมาแพร่เชื้อสู่เราเมื่อไร และไม่อาจทราบได้เลยว่าผู้คนที่เดินผ่านไปมานั้น มีใครป่วยหรือเป็นพาหะนำเชื้อหรือไม่ การป้องกันเอาไว้ก่อนจึงดีที่สุด
    หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะในแต่ละวันเราใช้มือสัมผัสสิ่งของหลากหลาย จึงอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่บนมือของเรา ซึ่งหากนำไปหยิบอาหารรับประทาน หรือนำมาขยี้ตา สูดดม ก็อาจทำให้ได้รับเชื้อเข้าสู่ปอด เข้าสู่ร่างกายได้
    เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกัน อาทิ การรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากโรคปอดติดเชื้อได้ เพราะถ้าเราไม่ป่วยเป็นไข้หวัด ภูมิคุ้มกันเราก็จะยังดีอยู่ ร่างกายจะยังแข็งแรง ทำให้โอกาสปอดติดเชื้อนั้นลดน้อยลงไปด้วย
    ดูแลร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นพื้นฐานการทำให้เรามีสุขภาพที่ดี มีภูมิคุ้มกันร่างกายที่ดี ซึ่งก็จะทำให้โอกาสปอดติดเชื้อลดน้อยลง

 

โรคปอดติดเชื้อนั้นนับว่าเป็นหนึ่งในโรคระบบทางเดินหายใจที่มีความร้ายแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กๆ และผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ที่สุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง จะยิ่งมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคปอดติดเชื้อได้มากกว่าคนปกติทั่วไปหลายเท่า ดังนั้น ควรหมั่นสังเกตอาการตัวเองให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าฝน หากมีไข้สูง หนาวสั่น และไอ แต่ไม่เจ็บคอ ไม่มีน้ำมูกไหล หายใจแล้วเจ็บเสียด ไม่ควรมองข้าม ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ยิ่งหากเป็นโรคปอดติดเชื้อจริง ก็จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตไปได้มาก หากได้รับการรักษาที่รวดเร็ว

“ร่างกายคนเรานั้นทำงานแบบเป็น “โดมิโน่” ทุกอวัยวะทำงานร่วมกันเป็นทีมและสัมพันธ์กันหมด ปอดคือหนึ่งในแกนหลักสำคัญของการทำงานในร่างกาย ซึ่งถ้าหากปอดมีปัญหาเมื่อไร ก็จะส่งให้หัวใจ ตับ ไต สมองทำงานผิดปกติเป็นโดมิโน่ตามไปด้วย ดังนั้น อย่าละเลยปอด ต้องดูแลรักษาปอดให้ดี อย่าให้ติดเชื้อเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง”




9
ศูนย์ข้อมูลโควิด-19: วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ วัคซีนที่ควรฉีดในช่วงการระบาดโรคโควิด-19

วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ (Pneumococcal Vaccine) เป็นหนึ่งในวัคซีนสำคัญที่องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ฉีดในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 นอกเหนือจากวัคซีนโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ประจำปี เพราะโรคปอดอักเสบอาจก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าที่หลายคนคาดคิด

จริง ๆ แล้ว ปอดอักเสบเป็นโรคติดต่อที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส (Pneumococcus) การติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 (COVID-19) ในบางกรณียังเป็นผลมาจากไข้หวัดใหญ่หรือการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ก่อน

วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ

ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 นี้ เราควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อลดความเสี่ยงและความรุนแรงของโรคในอนาคต พบแพทย์จึงอยากชวนทุกคนมาเตรียมความพร้อมก่อนการฉีดวัคซีนปอดอักเสบผ่านคำถามเหล่านี้กัน


1. วัคซีนป้องกันปอดอักเสบมีกี่ชนิด

ในปัจจุบัน วัคซีนปอดอักเสบจะป้องกันเฉพาะเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส แม้จะป้องกันได้ไม่ครบทุกสายพันธุ์ แต่จะครอบคลุมสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยและก่อโรครุนแรงอยู่แล้ว โดยวัคซีนปอดอักเสบจะผลิตจากเชื้อแบคทีเรียที่ตายแล้วจึงไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อในร่างกาย

วัคซีนป้องกันปอดอักเสบสำหรับผู้ใหญ่แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

    วัคซีนป้องกันปอดอักเสบชนิดคอนจูเกต 13 สายพันธุ์ (Pneumococcal Conjugate Vaccine: PCV13) เป็นวัคซีนที่เกิดจากการนำแอนติเจน (Antigen) ของเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส ไปจับกับโปรตีนพาหะชนิดหนึ่ง เพื่อให้กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดียิ่งขึ้นและป้องกันโรคได้นานขึ้น ซึ่งครอบคลุมปอดอักเสบทั้งชนิดไม่ลุกลามและชนิดลุกลาม โดยแนะนำให้ใช้ในเด็กอายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้สูงอายุที่แพทย์เห็นสมควร
    วัคซีนป้องกันปอดอักเสบชนิดโพลีแซคคาไรด์ 23 สายพันธุ์ (Pneumococcal Polysaccharide Vaccine: PPSV23) วัคซีนชนิดนี้จะใช้แอนติเจนเพียงอย่างเดียวในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคที่ประมาณ 3–5 ปี แต่ไม่อาจกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีได้


2. ทำไมเราควรฉีดวัคซีนป้องกันปอดอักเสบในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19

ปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสมักก่อให้เกิดอาการในระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ หายใจลำบาก มีไข้ หรือรู้สึกไม่สบาย ทว่าหากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็มีโอกาสเกิดอาการรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อนอันนำไปสู่การเสียชีวิตได้ เช่น ปอดบวม การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ จึงจำเป็นจะต้องเข้ารักษาตัวในสถานพยาบาลภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ยิ่งในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ ผู้ป่วยมีโอกาสติดเชื้อนิวโมคอคคัสร่วมกับโรคดังกล่าวได้ด้วย ซึ่งอาจส่งผลให้อาการที่เป็นอยู่ทวีความรุนแรงและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้นอีก และที่สำคัญคือ วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ไม่อาจป้องกันปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสได้ การฉีดวัคซีนป้องกันปอดอักเสบเพิ่มเติมจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง


3. ใครบ้างที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันปอดอักเสบ

คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อไปนี้ ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนปอดอักเสบภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เนื่องจากอาจมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดปอดอักเสบมากกว่าคนทั่วไป ได้แก่ ผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือโรคประจำตัวในทุกช่วงวัย เช่น โรคหืด โรคปอด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต หรือโรคตับ เป็นต้น

รวมไปถึงผู้ติดสุราเรื้อรัง ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ ผู้ที่ไม่มีม้ามหรือม้ามทำงานผิดปกติ ผู้ที่น้ำไขสันหลังรั่ว ผู้ที่ใส่ชุดประสาทหูเทียม ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากปัญหาสุขภาพอย่างโรคมะเร็ง หรือการติดเชื้อเอชไอวี การทำเคมีบำบัด การใช้ยาบางชนิด และการปลูกถ่ายอวัยวะ

 โดยผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรงและไม่เคยฉีดวัคซีนปอดอักเสบมาก่อนควรเริ่มที่วัคซีน PCV13 แล้วเว้นระยะห่าง 1 ปี จึงฉีดวัคซีน PPSV23 สำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับชนิดของวัคซีนปอดอักเสบที่ควรฉีดและระยะเวลาในการฉีดที่เหมาะสม


4. วัคซีนป้องกันปอดอักเสบฉีดร่วมกับวัคซีนอื่นได้หรือไม่

หลายคนอาจเป็นกังวลเกี่ยวกับฉีดวัคซีนปอดอักเสบหรือไข้หวัดใหญ่ร่วมกับวัคซีนโรคโควิด-19 แต่จริง ๆ แล้วผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เด็กและผู้ใหญ่ฉีดวัคซีนปอดอักเสบและไข้หวัดใหญ่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าผลเสีย 



ทั้งนี้ ผู้ใหญ่อาจฉีดวัคซีนป้องกันปอดอักเสบพร้อมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ในวันเดียวกัน แต่สำหรับวัคซีนโรคโควิด-19 ควรฉีดห่างจากวัคซีนปอดอักเสบ หรือวัคซีนชนิดอื่น ๆ อย่างน้อย 14 วัน หากผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนเสมอ


5. ผลข้างเคียงของวัคซีนป้องกันปอดอักเสบมีอะไรบ้าง

วัคซีนป้องกันปอดอักเสบมักไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อร่างกาย ผู้รับการฉีดวัคซีนอาจพบเพียงอาการปวด บวม หรือแดงบริเวณที่ฉีดยา มีไข้ เบื่ออาหาร หงุดหงิดง่าย รู้สึกเหนื่อย ปวดศีรษะ หรือปวดกล้ามเนื้อ บางรายอาจเกิดอาการแพ้วัคซีนที่รุนแรง (Anaphylaxis) แต่ก็พบได้น้อยมาก


6. เตรียมความพร้อมก่อนการฉีดวัคซีนป้องกันปอดอักเสบได้อย่างไร

วัคซีนป้องกันปอดอักเสบจะฉีดโดยแพทย์หรือเจ้าหน้าที่พยาบาล ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด โดยในเบื้องต้นควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และงดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และคาเฟอีน หากพบความผิดปกติหรืออาการป่วยใด ๆ ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อนการฉีดวัคซีน 


7. วิธีอื่น ๆ ในการป้องกันปอดอักเสบมีอะไรบ้าง

นอกเหนือจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคยังมีอีกหลายวิธีที่ควรทำควบคู่กัน โดยต้องอาศัยความมีวินัย ความระมัดระวัง และควรฝึกให้เป็นนิสัย จึงจะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้มากที่สุด เช่น หมั่นล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ สวมหน้ากากอนามัยหรือปิดปากด้วยผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชู่ขณะไอหรือจาม งดสูบบุหรี่ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงทั้งจากการออกกำลังกาย การนอนหลับ หรือการรับประทานอาหาร เป็นต้น 

วัคซีนป้องกันปอดอักเสบจัดเป็นวัคซีนเสริม ไม่ใช่วัคซีนพื้นฐานฟรีที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาล จึงมีค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานพยาบาล ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงความจำเป็นร่วมกับแพทย์แล้วจะเลือกฉีดหรือไม่ก็ได้ แต่วัคซีนชนิดนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการเสริมสร้างเกราะป้องกันร่างกายให้กับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือหากมีสุขภาพดีอยู่แล้ว แต่กังวลและอยากฉีดป้องกันไว้ก่อนก็ทำได้เช่นกัน

สุดท้ายนี้ เนื่องจากโรคปอดอักเสบมักก่อให้เกิดอาการที่คล้ายกับโรคโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ และโรคในระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ เช่น ไอ หายใจลำบาก มีไข้ เบื่ออาหาร รู้สึกไม่สบาย หรือปวดศีรษะ หากมีอาการเข้าข่าย ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่ตรงจุด

10
bigbike ซูซูกิ Suzuki GSX 8R ปี 2024
419,000 บาท

ซูซูกิ Suzuki GSX 8R ปี 2024
ซูซูกิ GSX-8R โฉมใหม่ เผยโฉมความสปอร์ต สุดเร้าใจ โดดเด่นทั้งสมรรถนะและความสนุกในการขับขี่ ควบคุมง่าย คล่องแคล่ว ตอบสนองทุกไลฟ์ สไตล์ไม่ว่าจะขับขี่ในเมืองหรือออกทริปสั้น ๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์GSX-8R ดึงดูดใจลูกค้าทุกวัย ทุกประสบการณ์มาพร้อม ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว สไตล์ซูเปอร์ไบค์มอบทั้งความสนุกในการขับขี่ ประสิทธิภาพสปอร์ต ควบคุมง่าย และสะดวกสบาย ซึ่งหัวใจสำคัญคือ เครื่องยนต์DOHC แบบ Parallel Twin 776cm3 รุ่นใหม่ของซูซูกิตัวรถออกแบบมาให้ลงตัวกับเครื่องยนต์ทุกส่วนเน้นมอบประสบการณ์ที่น่า ประทับใจให้กับผู้ขับขี่ที่ต้องการพละก าลังมากกว่ารถ 650cm3 ทั่วไป และชื่นชอบดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ควบคุมง่าย ปลอดภัย เฟรมและ เครื่องยนต์ตอบสนองได้ดี ไม่ก้าวร้าว เน้นให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางของความสนุกในการขับขี่ สัมผัสศักยภาพเต็มที่ เพลิดเพลินกับทุกการเดินทาง . GSX-8R มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต สืบสานต านานซูซูกิดูโฉบเฉี่ยว เพรียว บาง สมดุล พร้อมลุยทุกเส้นทาง ซูซูกิGSX-8R มาพร้อมแนวคิด "มาตรฐานสปอร์ตยุคใหม่" โดยผสมผสานประสิทธิภาพใช้งานจริง ควบคุมง่าย อุปกรณ์ล้ำสมัย กับ ดีไซน์สปอร์ตสุดเท่ เอาใจทุกวัย ทุกทักษะ ขี่สนุกทุกเส้นทาง ตั้งแต่ไปทำงาน เที่ยวใกล้ๆ ไปจนถึงซิ่งในเขา เครื่องยนต์Parallel Twin ใหม่ จับคู่กับโครงสร้างที่ลงตัว มอบพลัง ควบคุมง่าย สบายตามใจ โฉมใหม่ทันสมัย สวยงาม ใช้งานได้จริง พร้อมสมรรถนะเร้าใจแต่ไม่ก้าวร้าว ดีไซน์ล้ำสมัยเป็นต้นแบบสปอร์ตไบค์รุ่นใหม่ของซูซูกิอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์แชสส์แฮนด์อลูมิเนียม forged แบบแยก สวิงอาร์ม อลูมิเนียม ดีไซน์เฉพาะ, โช้คหน้าหัวกลับ, ดิสก์เบรกหน้าคู่ คาลิเปอร์4 ลูกสูบแบบเรเดียล-เมาท์, ไฟ LED, หน้าจอ TFT LCD, ระบบควบคุม อิเล็คทรอนิกส์, Suzuki Drive Mode Selector, Suzuki Traction Control System, Bi-Directional Quick Shift system และ Ride-by-Wire Electronic Throttle System * 30 คันแรก ได้ราคาพิเศษ 389,000 บาท

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                Suzuki
   รุ่น                     ซูซูกิ Suzuki GSX 8R ปี 2024
   ประเภทรถ            Sport Bigbike
   ปีที่เปิดตัว             2024
   ราคา                 419,000 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์           เกียร์ธรรมดา
   ระบบเกียร์             6 เกียร์ Constant Mesh
   รายละเอียดเครื่องยนต์   2สูบ, DOHC
   ระบบระบายความร้อน     น้ำ
   ระบบสตาร์ท               สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)     776 CC
   แบบเครื่องยนต์              4 จังหวะ
   ระบบจุดระเบิด               Electronic lgnition / Transistorized
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง     แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน              หัวฉีด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)     14 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน            ล้อหน้า Inverted telescopic, coil spring, oil damped, ล้อหลัง Link type, single shock, coil spring, oil damped
   ระบบเบรค                   ล้อหน้า ดิสก์เบรก (NISSIN, Radial-mount 4-piston calipers, twin disc, ABS-equipped), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (NISSIN, 1-piston caliper, single disc, ABS-equipped)
   แบบวงล้อ                   แมกซ์
   ขนาดยาง                    ล้อหน้า 120/70ZR17M/C (58W), tubeless, ล้อหลัง 180/55ZR17M/C (73W), tubeless
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)  2,155 x 770 x 1,135 มม.
   น้ำหนักตัวรถ                     205.00 กก.

11
บ้านใหม่ 2025: เดอะ พาลาซโซ่ ปิ่นเกล้า - บรมฯ (The Palazzo Pinklao - Borom)
N/A

เดอะ พาลาซโซ่ ปิ่นเกล้า - บรมฯ (The Palazzo Pinklao - Borom)
เตรียมพบกับบ้านโครงการใหม่ ที่ให้ความสง่างามบนความสมบูรณ์แบบ บน ถนนบรมราชชนนี เชื่อมต่อปิ่นเกล้า - ใจกลางเมือง ทำเลศักยภาพที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและโรงเรียนนานาชาติ

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ            เดอะ พาลาซโซ่ ปิ่นเกล้า - บรมฯ (The Palazzo Pinklao - Borom)
 เจ้าของโครงการ       เอพี (ไทยแลนด์)
 แบรนด์ย่อย            เดอะ พาลาซโซ่
 ราคา                    N/A
 ประเภทบ้าน          โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 พื้นที่โครงการ        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนบ้าน          โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 แบบบ้านทั้งหมด     โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
  เนื้อที่บ้าน           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 พื้นที่ใช้สอย         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนชั้น            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 หน้ากว้าง            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน     โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนที่จอดรถ     โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน        บางแค, ตลิ่งชัน, ทวีวัฒนา, ภาษีเจริญ
 ที่ตั้ง        ทางคู่ขนาน ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10170

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้ทางด่วน (ทางพิเศษประจิมรัถยา)
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนบรมราชชนนี, ถนนพุทธมณฑล, ถนนราชพฤกษ์)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ปีที่สร้างเสร็จ                   โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

12
โรคเหงือกในเด็ก สามารถเข้ารับการจัดฟันเด็กได้หรือไม่

ปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันในเด็กนั้น มักจะพบได้บ่อย ซึ่งการดูแลรักษาความสะอาดของฟันถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเด็กในวัยที่ยังมีฟันน้ำนมอยู่ อย่าคิดว่าไม่สำคัญ เพราะฟันน้ำนมส่งผลกระทบต่อการขึ้นของฟันแท้ ดังนั้น การดูแลช่องปากของเด็กๆ ควรที่จะได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี ซึ่งปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กที่มักพบได้บ่อยส่วนใหญ่ก็คือ เรื่องของฟันน้ำนมผุ มักจะเกิดขึ้นเมื่อฟันน้ำนมสัมผัสกับน้ำตาลจากการดื่มบ่อยครั้งเช่น ดื่มนม น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มรสหวานอื่นๆ ก็จะทำให้เสี่ยงกับการเกิดฟันผุ เชื้อแบคทีเรียในปากจะกินน้ำตาลเป็นอาหาร ทำให้เกิดฟันผุหากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษา ยิ่งถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองละเลยในเรื่องของฟันของลูก ก็จะทำให้เกิดปัญหาได้ในระยะยาว โดนอาการฟันผุอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวด และทำให้เคี้ยวอาหารได้ลำบาก

หากฟันน้ำนมได้รับความเสียหาย หรือถูกทำลายก็จะไม่สามารถกำหนดทิศทางสำหรับฟันแท้ให้ขึ้นได้อย่างถูกตำแหน่ง อาจก่อนให้เกิดฟันซ้อน หรือฟันเก ฟันน้ำนมที่ผุอย่างรุนแรงอาจจะนำไปสู่การฟันที่เป็นหนองได้ และอาจจะนำไปสู่การเกิดโรคเหงือกอักเสบในเด็ก ซึ่งโรคเหงือกในเด็กนั้น ก็สามารถเกิดขึ้นได้ เป็นการอักเสบของเยื่อเหงือกซึ่งเกิดจากการดูแลความสะอาดในปากที่ไม่เพียงพอ และการจับตัวของหินปูน สัญญาณเตือนของโรคเหงือกอาจจะเป็นกลิ่นปาก หรือเลือดออกที่เหงือก

โดยเฉพาะหลังจากการใช้ไหมขัดฟัน เมื่อเวลาผ่านไปก็สามารถนำไปสู่ฟันหลอ และกระดูกเสียหายของกระดูก การพบทันตแพทย์เป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคเหงือกอักเสบ ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์เพื่อทำการตรวจฟันเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนที่อยากจะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับกรจัดฟัน ก็อาจจะเกิดความสงสัยว่า ถ้าหากบุตรหลานของท่านมีปัญหาเกี่ยวกับโรคเหงือกอักเสบแล้ว จะสามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้หรือไม่ ซึ่งวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงประเด็นของการเกิดโรคเหงือกอักเสบในเด็ก และอยากที่จะเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟัน ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ สำหรับโรคเหงือกอักเสบในเด็กนั้น ต้องบอกว่า สามารถรักษาให้หายได้

เพียงหมั่นดูแลช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ และพ่อแม่ควรจะสังเกตอาการต่างๆของบุตรหลานด้วย ถ้าหากพบว่ามีสัญญาณของการเกิดปัญหาฟัน หรือมีการสะสมตัวของคราบแบคทีเรียที่มากและแข็งจนกลายเป็นหินปูน ก็ควรพาลูกไปพบทันตแพทย์เพื่อให้ทำการขจัดออกคราบเหล่านั้นออก ซึ่งการดูแลเพื่อป้องกันโรคเหงือกสามารถทำได้โดยหมั่นดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อยเป็นประจำ พ่อแม่ผู้ปกครองควรเป็นผู้ช่วยในการช่วยแปรงฟันให้ลูก เพื่อให้บริเวณนั้นๆ สะอาด ขจัดคราบฟันออกให้หมด ซึ่งจะช่วยป้องกัน และบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นได้ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถป้องกันการเกิดโรคเหงือกได้

ทั้งนี้ ในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก สำหรับเด็กที่มีปัญหาในเรื่องของเหงือกอักเสบ เบื้องต้นทันตแพทย์จะทำการรักษาโรคเหงือกอักเสบในเด็กให้หายดีเสียก่อน เพื่อที่จะได้มีปัญหาระหว่างการจัดฟัน และจะทำให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเมื่อเข้ารับการจัดฟันแล้ว เด็กๆควรที่จะปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น ป้องกันฟันผุ หากบุตรหลานของท่านมีสัญญาณเตือนในเรื่องของการเกิดโรคเหงือกหรือปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน

สามารถปรึกษาทันตแพทย์ที่คลินิกได้ ทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็กที่จะให้คำแนะนำอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะช่วยดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของบุตรหลานของท่านให้มีฟันที่สวยงาม เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ป้องกันการเกิดปัญหาฟันผุ และยังช่วยแนะนำวิธีการรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันได้อย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้

13
ก่อนพาลูกน้อยเข้าจัดฟันเด็ก EF Line ควรคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง

ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผู้ปกครองไม่ควรละเลย เพราะการที่พ่อแม่ผู้ปกครองละเลยในเรื่องของสุขภาพฟันของลูกน้อย อาจจะทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ไม่ดี ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้ ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรที่จะปลูกฝังให้เด็กรู้จักตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพช่องปาก และฟัน เพราะในวัยเด็ก แน่นอนว่าไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่ชื่นชอบการรับประทานขนมหวาน ลูกอม หรืออาหารที่มีรสหวาน ซึ่งการรับประทานอาหารเหล่านี้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุของเด็กมาก

ถ้าหากไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดี จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมเด็กจึงเกิดโรคฟันผุได้ง่าย ซึ่งการเกิดฟันผุในเด็กนั้น อาจจะส่งผลกระทบมาจนถึงวัยผู้ใหญ่ได้ เพราะการที่เราไม่ดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดีตั้งแต่ยังมีฟันน้ำนม อาจจะทำให้ฟันแท้ของเราที่จะขึ้นมามีรูปร่างและลักษณะการขึ้นของฟันที่มีความผิดปกติได้

ดังนั้น ควรให้ความสนใจในเรื่องของการดูแลฟันตั้งแต่ยังมีฟันน้ำนม เพื่อที่จะได้มีฟันแท้ที่สวยงามและมาเกิดปัญหาในอนาคต แต่ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดมีบุตรหลานที่มีปัญหาในเรื่องของรูปร่างฟัน การขึ้นของฟันที่มีความผิดปกติ หรือการสบฟันที่ผิดปกติ ก็ควรพาบุตรหลานเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสังเกตสัญญาณผิดปกติเหล่านี้


และรีบพาบุตรหลานเข้ารับการแก้ไข ซึ่งหากใครอยากพาบุตรหลานเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยโปรแกรม EF Line ก็สามารถพาบุตรหลานเข้ามารักษาได้ ตั้งแต่อายุ 4-7 ปี แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ก่อนที่เราจะพาบุตรหลานเข้าจัดฟัน EF Line เราจะต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง และจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ก่อนเข้ารักษาด้วยการจัดฟัน EF Line และวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงการพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟัน EF Line จะต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง

อย่างแรกเลย เราต้องคำนึงถึงตัวเด็กก่อนเป็นอันดับแรก ว่า บุตรหลานของท่านจะสามารถให้ความร่วมมือในการเข้ารับการจัดฟันได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเราจะต้องปลูกฝังถึงข้อดีของการที่เข้ารับการจัดฟัน EF Line เพื่อให้ลูกน้อยของเรา สามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์จัดฟันได้เป็นอย่างดี  เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ต่อมาก็คือ การเลือกสถานบริการทางทันตกรรม


โดยพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะศึกษารายละเอียดในการจัดฟัน EF Line เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกสถานที่เข้ารับการจัดฟัน จะต้องเลือกคลินิกทันตกรรมที่มีความปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือ และมีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟัน EF Line เพื่อที่จะได้พาบุตรหลานของท่านเข้ารับการรักษาที่มีมาตรฐานและความปลอดภัยมากที่สุด เพราะในเรื่องของความปลอดภัยของบุตรหลานของท่านก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น

ก่อนที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟัน EF Line จะเลือกสถานที่ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยมากที่สุด ต่อมาในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษา ควรศึกษาข้อมูลและรายละเอียดในเรื่องของค่าใช้จ่ายให้ดี ควรวางแผนในเรื่องของราคาของการจัดฟัน EF Line โดยเลือกบริการที่สามารถตอบโจทย์และเหมาะสมกับปัญหาฟันของบุตรหลานของเรา เพื่อให้เข้ากับแนวทางของเราด้วย ซึ่งเรื่องของค่าใช้จ่าย


แน่นอนว่าแต่ละที่ย่อมมีความแตกต่างกัน และสุดท้ายควรคำนึงถึงการสร้างทัศนคติที่ดีในการดูแลรักษาฟันให้ลูกน้อยของท่าน เพื่อที่จะได้ปลูกฝังในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้ดี เพราะเด็กบางคนกลัวการเข้าพบทันตแพทย์ อาจจะกลัวเจ็บ หรือรู้สึกเขินอาย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพูดทำความเข้าใจให้เด็กรู้สึกว่า เรื่องสุขภาพช่องปากและฟันเป็นเรื่องที่สำคัญที่เราจะต้องดูแลให้มากเป็นพิเศษ

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟัน EF Line สามารถติดต่อสอบถามได้ที่คลินิ เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมในเด็ก สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้องและตรงจุด เพื่อให้เด็กๆทุกคน มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพราะเรื่องสุขภาพฟัน ส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อยของเรา และจะช่วยทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

14
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ


15
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


หน้า: [1] 2 3 ... 122

























































กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

ไม่รู้จะขายอะไรดี
อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า