แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 130
1
ปล่อยรถป้ายแดง Mercedes-Benz EQE 350 SUV AMG Line ปี 2023 ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง

Mercedes-Benz EQE 350 SUV AMG Line ปี 2023 เป็นรถยนต์ Sports Utility Vehicle (SUV) พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ผสมผสานความหรูหรา เทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะอันทรงพลังเข้าไว้ด้วยกัน โดดเด่นด้วยดีไซน์ AMG Line ที่เสริมความสปอร์ตและดุดันยิ่งขึ้น

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 6 มิ.ย. - 30 มิ.ย. 2568
ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง
Warranty ถึงปี 2028

ราคาพิเศษ 3,990,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

สมรรถนะมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อน:

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (Dual Motors) ติดตั้งที่เพลาหน้าและเพลาหลัง ทำให้เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC
กำลังสูงสุดรวม: 215 kW หรือ 292 แรงม้า
แรงบิดสูงสุดรวม: 765 นิวตันเมตร
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ประมาณ 6.6 - 7.0 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 210 กม./ชม.


แบตเตอรี่และระยะทางการวิ่ง:

แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุใช้งาน (usable) 89 kWh (ความจุรวม 96 kWh)
ระยะทางการวิ่งสูงสุด: ประมาณ 558 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP (ซึ่งเป็นระยะทางที่น่าประทับใจ)
รองรับการชาร์จแบบ AC (กระแสสลับ) สูงสุด 11 kW และ DC (กระแสตรง) แบบ Quick Charge สูงสุด 170 kW
เวลาในการชาร์จ DC 10-80%: ประมาณ 32 นาที (ที่สถานีชาร์จ 170 kW)


2
ซ่อมบำรุงอาคาร: พัดลมไอเย็นกับแอร์ ต่างกันอย่างไร

 ในปัจจุบัน เครื่องใช้ไฟฟ้าถือว่ามีความจำเป็นอย่างมากของคนในยุคนี้ เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ หลายบ้านมีแอร์ใช้ เพื่อทำให้รู้สีกสบาย ท่ามกลางอากาศที่ร้อนมากในบ้านเรา เชื่อว่า แอร์เป็นสิ่งจำเป็นที่หลายบ้านนิยมใช้กัน แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีหลายบ้านที่เลือกใช้งานเครื่องทำความเย็นชนิดอื่นที่คิดว่า

น่าจะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เพราะเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ หากติดตั้งแล้วจะต้องบำรุงรักษา และต้องเสียค่าไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งเครื่องทำความเย็นที่หลายบ้านก็นิยมใช้กันเช่น พัดลมไอเย็น ก็ถือว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถนำความเย็นมาสู่ร่างกายได้เหมือนกัน

แต่ถ้าหากจะให้เลือกซื้อเลือกใช้ระหว่าง พัดลมไอเย็นและแอร์ ก็ควรจะต้องทราบถึงรายละเอียดของข้อดี ข้อเสียของเครื่องใช้ทั้งสองชนิดนี้เสียก่อน เพื่อที่จะได้ตัดสินใจเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานที่ วัตถุประสงค์เพื่อช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วย ซึ่งเครื่องทำความเย็นทั้งสองชนิดนี้ก็มีความแตกต่างกัน
ซึ่งการเลือกใช้ก็อยู่ที่ความสะดวกของแต่ละบุคคล โดยวันนี้ทางเราจะมาพูดถึงเครื่องทำความเย็นทั้งสองชนิดนี้ว่า มีความแตกต่างกันอย่างไร ระหว่างพัดลมไอเย็นกับแอร์ ที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หลายคนให้ความสนใจ เพื่อที่จะนำมาใช้คลายร้อนในช่วงหน้าร้อน

 ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึง พัดลมไอเย็นก่อนว่า มีการทำงานอย่างไร อย่างแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือ พัดลมไอเย็นไม่ใช่พัดลมไอน้ำ แต่เป็นพัดลมที่ทำงานด้วยการดึงเอาความร้อนที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามา เมื่อผ่านแผ่นทำความเย็นด้านใน ขณะที่น้ำสัมผัสกับแผงรังผึ้ง น้ำบนแผ่นก็จะระเหยออกและกลับเปลี่ยนเป็นไอเย็นออกมา
ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิในห้องให้เย็นลงได้ โดยไม่ทำให้บริเวณที่ได้รับความเย็นชนิดนี้รู้สึกฉ่ำหรือมีความชื้นในอากาศ ข้อดี ข้อเสียของพัดลมไอเย็น แม้จะช่วยทำให้อากาศเย็นลงได้ แต่ก็จะต้องใช้แรงลมเป่ามาที่ผู้ใช้ และลมที่พัดมาจะไม่มีละอองหรือความชื้นของน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนลมธรรมชาติ แต่จะไม่เย็นฉ่ำเท่าการใช้แอร์
เคลื่อนย้ายง่าย สะดวก เหมาะที่จะใช้กับบริเวณที่โล่ง แต่ก็สามารถใช้กับบริเวณสถานที่ที่ปิดไม่มีจุดเปิดโล่งก็ได้ ถ้าเป็นบริเวณพื้นที่ปิด ไม่โล่งโปร่ง แนะนำว่าไม่ควรใช้ต่อเนื่องแบบยาวนาน เพราะอาจเกิดมีเชื้อราเกิดขึ้นได้ อีกทั้งยังมีเสียงดังอีกด้วย ประหยัดน้ำ เพราะมีน้ำในระบบอยู่แล้ว กินไฟน้อยเท่าพัดลมธรรมดา ช่วยประหยัดค่าไฟได้ การดูแลรักษาทำได้ง่ายกว่าแอร์

ดังนั้น จึงประหยัดค่าบำรุงรักษากว่าแอร์ ในขณะที่การทำงานของแอร์นั้นมีความซับซ้อนมากกว่า โดยทำงานด้วยการใช้คอมเพรสเซอร์ให้ดูดลมร้อนจากภายนอกให้เข้ามา จากนั้นจะใช้น้ำยาแอร์หรือสารทำความเย็นอัด เพื่อทำให้เกิดลมเย็นเข้าที่ตัวแอร์ เมื่อลมเย็นปล่อยออกมาสู่ภายนอก ก็จะทำให้อุณหภูมิภายในบริเวณนั้นลดลงได้เป็นอย่างดี

ข้อดีและข้อเสียคือ แอร์ให้ความเย็นที่จัด เย็นสบายมากกว่าพัดลม แต่ก็เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูง ดังนั้น จึงเปลืองไฟมากกว่าพัดลมไอเย็น เคลื่อนย้ายได้ยากและด้วยการทำงานที่ซับซ้อน จึงทำให้การบำรุงรักษาทำได้ยากกว่า แต่ข้อดีคือมีมีเสียงเบา
เหมาะในการใช้ในสถานที่ที่ปิด และจะต้องดูขนาดหรือกำลังให้พอเหมาะกับขนาดของพื้นที่ที่จะใช้ให้เหมาะสมอีกด้วย เพราะหากแอร์มีขนาดเล็กเกินไปก็จะทำให้ห้องนั้นๆ มีความเย็นไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น ต้องเลือกอย่างเหมาะสม เพื่อให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและทำให้แอร์ทำงานไม่หนัก

 อย่างไรก็ตาม ทางเรามีบริการทำความสะอาด เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมในสถานที่ทำงานให้สะอาด สะดวก และถูกสุขลักษณะ มีบริการทำความสะอาดในเขตควบคุมเชื้อ เพราะการทำความสะอาดทั่วไปนั้น ไม่เพียงพอ

จึงต้องมีการทำความสะอาดแบบควบคุมการติดเชื้อเพื่อสุขอนามัยขั้นสูงที่ได้รับมาตราฐานและสามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้ รวมไปถึงการทำความสะอาดห้องต่างๆ เป็นการดูแลสุขภาพและความปลอดภัย ของร่างกายอีกทางหนึ่งด้วย เพราะเราอยากให้ทุกคนได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความสะอาด มีบรรยากาศที่ดี รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมที่สบายตาเพื่อให้ได้มีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข

3
บริหารจัดการอาคาร: ระบบดับเพลิงภายในอาคารว่ามีความสำคัญอย่างไร

ในปัจจุบันมีอาคารสูง ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ หรือแม้แต่อาคารสำนักงานเกิดขึ้นมากมาย  สถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ที่มีผู้คนเข้าไปใช้พื้นที่มากมาย และถ้าเกิดอุบัติเหตุจากเหตุเพลิงไหม้ขึ้นมาโดยไม่มีการแจ้งเตือนที่ดี ก็อาจนำความเสียหายมาให้สถานที่นั้นๆโดยเฉพาะการสูญเสียชีวิต ดังนั้น ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้จึงเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่สำคัญสำหรับอาคารต่างๆ นั้นหมายความว่า ในขณะมีเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นภายในอาคาร

ถ้าเรามีระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ที่ดี จะทำให้เรารู้ถึงจุดเกิดเหตุและแจ้งเหตุรวดเร็วสามารถอพยพผู้ทีอยู่อาศัยออกจากพื้นที่ที่เกิดเหตุได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่เพลิงจะลุกไหม้มากขึ้นจนไม่สามารถอพยพได้ ซึ่งปัญหาที่พบในการใช้งานโดยส่วนหนึ่งคือบุคคลทั่วไปยังไม่ค่อยรู้จักอุปกรณ์ และการใช้งานในระบบนี้ เช่น อุปกรณ์มือดึง เป็นอุปกรณ์ที่ดึงเมื่อต้องการแจ้งเหตุในขณะที่มีเพลิงไหม้เกิดขึ้น แต่บางครั้งมีคนที่ไม่รู้ไปดึง ระบบก็จะแจ้งเหตุแต่ไม่มีเหตุเพลิงไหม้
ถ้าเป็นเช่นนี้บ่อยๆ คนที่อาศัยอยู่หรือทั่วไปก็จะไม่เชื่อมั่นในระบบ และถ้าในกรณีที่มีเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นจริง ระบบมีการแจ้งเหตุแล้วคนก็อาจจะไม่หนีหรืออพยพได้ เพราะฉะนั้น ในศูนย์การค้า หรืออาคารสถานที่ จึงจำเป็นที่จะต้องมีระบบดับเพลิง เพื่อที่จะได้รับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดได้ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงระบบดับเพลิงภายในอาคารว่ามีความสำคัญอย่างไร และทำไมจะต้องมีระบบดับเพลิงภายในอาคาร

 ก่อนอื่นเราจะต้องมารู้จักกับ ระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ก่อน ซึ่งเป็นระบบสำหรับแจ้งเตือนเมื่อมีเปลวไฟ หรือเหตุเพลิงไหม้ภายในอาคาร โดยใช้เซนเซอร์หรืออุปกรณ์ตรวจจับชนิดต่างๆ ตามความเหมาะสม เช่น อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟ อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน อุปกรณ์แจ้งเหตุเพลิงไหม้ด้วยมือผู้ใช้ เป็นต้น ซึ่งระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้นี้จะทำให้ผู้ที่อยู่ในอาคารสามารถรับรู้และแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ป้องกันไม่ให้ไฟไหม้นั้นลุกลามจนไม่สามารถควบคุมได้ สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมต้องมีระบบดับเพลิงหรือสัญญาณเตือนไฟไหม้ในอาคาร

 อย่างแรกเลยก็คือ ช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน ถือเป็นเหตุผลแรกและเหตุผลหลัก ที่คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากการติดตั้งระบบดับเพลิง เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ทุกครั้ง มักจะเกิดการสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินหรือผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ ยังเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย

ซึ่งจะต้องติดตั้งระบบดับเพลิง และระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงจะต้องมีการฝึกซ้อมการใช้งาน และการอพยพ หนีภัย เป็นประจำ และมีการซ่อมบำรุง ตรวจสอบระบบดับเพลิงและระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา และยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่คู่ค้า พนักงาน และชุมชนรอบข้าง

ดังนั้น ระบบดับเพลิงในอาคารจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของอาคารควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกถึงความปลอดภัยของผู้ที่อยู่ในอาคารเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ การส่งสัญญาณเตือนภัยและระบบควบคุมเพลิง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่แม้ว่าโอกาสเกิดเพลิงไหม้จะมีน้อย แต่ก็มีโอกาสเกิดและสร้างความเสียหายได้อย่างมาก หากไม่มี ระบบดับเพลิงในอาคารนั้น อาจจะส่งผลเสียและความสูญเสียเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้ อย่างไรก็ตาม การลงทุนเพื่อติดตั้งระบบดับเพลิงในสมัยนี้นั้น ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอย่างที่คิดและไม่ได้กินพื้นที่ในอาคารมากนัก เรียกได้ว่า ลงทุนครั้งเดียวแต่ได้ระบบความปลอดภัยที่ดีในระยะยาว เพื่อรักษาทั้งชีวิตและทรัพย์สินเมื่อเกิดเพลิงไหม้ได้

 ดังนั้น หากเจ้าของอาคารต้องการที่จะติดตั้งระบบดับเพลิงหรือสัญญาณเตือนเกิดเหตุไฟไหม้ สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้เพราะเราเป็นผู้ให้บริการติดตั้งระบบดับเพลิง บำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคาร โดยให้บริการจัดการแบบครบวงจร โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและช่างเทคนิคเฉพาะทาง ที่มีประสบการณ์การทำงาน บำรุงรักษาระดับมืออาชีพ สามารถออกแบบวางแผนการบำรุงรักษาอาคาร รวมถึงการวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกันที่เป็นไปตามมาตรฐานทางวิศวกรรม

เพื่อให้ผลการบริหารจัดการของอาคารที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้ความปลอดภัยให้กับผู้ใช้อาคาร เพราะเราคำนึงถึงความปลอดภัยของสถานที่เป้นหลัก จึงสามารถให้บริการได้อย่างเป็นมืออาชีพอย่างแน่นอน

4
ประเภทของผ้ากันไฟ ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม

ผ้ากันไฟที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและความเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว ผ้ากันไฟที่นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมมีดังนี้:

1. ผ้าใยแก้ว (Fiberglass Cloth)
เป็นวัสดุที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีราคาไม่แพงและทนความร้อนได้ปานกลาง (ประมาณ 550-600 องศาเซลเซียส)
เหมาะสำหรับงานทั่วไป เช่น ป้องกันสะเก็ดไฟจากการเชื่อมโลหะ หรือใช้คลุมอุปกรณ์ไฟฟ้า
ข้อควรระวัง: อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังและระบบทางเดินหายใจ


2. ผ้าซิลิกา (Silica Cloth)
เป็นวัสดุที่มีความทนทานต่อความร้อนสูง (ประมาณ 900-1200 องศาเซลเซียส) เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการป้องกันความร้อนสูง เช่น ใช้คลุมเตาหลอม หรือใช้ในบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้สูง
ทนความร้อนได้สูงกว่าผ้าใยแก้ว และมีความทนทานมากกว่า
ราคาแพงกว่าผ้าใยแก้ว


3. ผ้าเคฟลาร์ (Kevlar Cloth)
เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานสูง และทนต่อการฉีกขาดได้ดี เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานสูง เช่น ใช้ทำชุดป้องกันไฟสำหรับพนักงานที่ทำงานในบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง หรือใช้ในอุตสาหกรรมอากาศยาน
มีความแข็งแรงทนทานสูง ทนต่อการฉีกขาด ทนความร้อนได้ดี
ราคาแพง


4. ผ้าโนแม็กซ์ (Nomex Cloth)
เป็นวัสดุที่ทำจากเส้นใยอะรามิด ทนทานต่อความร้อนและเปลวไฟสูง เหมาะสำหรับใช้ทำชุดป้องกันไฟสำหรับนักดับเพลิงและพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง
ทนทานต่อความร้อนและเปลวไฟสูง
ใช้ในชุดป้องกันไฟสำหรับนักดับเพลิงและงานอุตสาหกรรม

ปัจจัยในการเลือกผ้ากันไฟ

ในการเลือกผ้ากันไฟสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

อุณหภูมิ: เลือกผ้ากันไฟที่ทนทานต่ออุณหภูมิที่เหมาะสมกับการใช้งาน
ความแข็งแรง: เลือกผ้ากันไฟที่มีความแข็งแรงทนทานต่อการฉีกขาดและการเสียดสี
คุณสมบัติเพิ่มเติม: พิจารณาคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การกันน้ำ การกันสารเคมี หรือการรับรองมาตรฐาน
งบประมาณ: กำหนดงบประมาณในการซื้อผ้ากันไฟ และเลือกผ้ากันไฟที่มีคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม


คำแนะนำเพิ่มเติม
ควรเลือกซื้อผ้ากันไฟจากผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายที่เชื่อถือได้
ควรตรวจสอบฉลากสินค้า เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุ คุณสมบัติ และมาตรฐานของผ้ากันไฟ
ควรมีการฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานผ้ากันไฟอย่างถูกต้อง

5
สร้างรายได้ จากการขายอาหารจานเดียวในคอนโด กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้

ธุรกิจอาหารเป็นที่ต้องการอยู่เสมอและการขายอาหารจานเดียวในคอนโดมิเนียมอาจเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้แนวทางการตลาดออนไลน์ที่เหมาะสม ไม่ว่าคุณจะขายอาหารไทยริมทางแบบโฮมเมด อาหารฟิวชันหรืออาหารเพื่อสุขภาพ การใช้ประโยชน์จากการตลาดดิจิทัลสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นและสร้างฐานลูกค้าที่ภักดี

นี่คือวิธีที่คุณสามารถทำการตลาดธุรกิจของคุณทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
1. สร้างการปรากฏตัวออนไลน์ที่น่าดึงดูด
เริ่มต้นด้วยการตั้งค่าบัญชีโซเชียลมีเดียบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook, Instagram และ TikTok แชร์รูปภาพคุณภาพสูงของอาหารของคุณ เน้นส่วนผสมหลัก และแสดงขั้นตอนการทำอาหาร โปรไฟล์โซเชียลมีเดียที่ดูแลอย่างดีจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดผู้ชื่นชอบอาหารในคอนโดของคุณและบริเวณใกล้เคียง

2. ใช้ประโยชน์จากแอปจัดส่งอาหาร
การลงรายชื่อธุรกิจของคุณบนแพลตฟอร์มจัดส่งอาหารยอดนิยม เช่น GrabFood, Foodpanda หรือ Lineman อาจช่วยเพิ่มการมองเห็นของคุณได้ ปรับแต่งเมนูของคุณด้วยรูปภาพที่สะดุดตาและราคาที่สามารถแข่งขันได้เพื่อให้โดดเด่น

3. ใช้ SEO ในพื้นที่เพื่อดึงดูดลูกค้าบริเวณใกล้เคียง
เนื่องจากธุรกิจของคุณให้บริการแก่ผู้พักอาศัยในคอนโดและชุมชนใกล้เคียงเป็นหลัก จึงควรปรับให้เหมาะสมกับเงื่อนไขการค้นหาในพื้นที่ ใช้ Google My Business เพื่อแสดงรายชื่อบริการอาหารของคุณ รวมถึงเมนู รายละเอียดการติดต่อ และเวลาทำการ กระตุ้นให้ลูกค้าที่พึงพอใจเขียนรีวิวเพื่อเพิ่มอันดับของคุณในผลการค้นหา

4. ดึงดูดลูกค้าด้วยโปรโมชั่นและส่วนลด
เสนอส่วนลดให้กับลูกค้าใหม่หรือแนะนำโปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับการสั่งซื้อซ้ำ ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อส่งเสริมการขายแบบแฟลช ข้อเสนอจำกัดเวลา และข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้อยู่อาศัยในคอนโดเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อมากขึ้น

5. ใช้ผู้มีอิทธิพลและการตลาดแบบปากต่อปาก
ร่วมมือกับบล็อกเกอร์ด้านอาหารหรือผู้ทรงอิทธิพลในคอนโดมิเนียมเพื่อโปรโมตมื้ออาหารของคุณ นอกจากนี้ คุณยังสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าที่มีอยู่แบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขาโดยเสนอสิ่งจูงใจเล็กๆ น้อยๆ เช่น ส่วนลดสำหรับการแท็กธุรกิจของคุณในโพสต์ของพวกเขา

6. ลงโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย
โฆษณาบน Facebook และ Instagram ช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายผู้ชมเฉพาะกลุ่มได้ เช่น ผู้อยู่อาศัยในคอนโด พนักงานออฟฟิศ และบุคคลที่ใส่ใจสุขภาพ ลงทุนกับโฆษณาที่มีโครงสร้างที่ดีเพื่อเน้นที่อาหารขายดีที่สุดและจุดขายที่ไม่ซ้ำใครของคุณ

7. เสนอตัวเลือกการชำระเงินและการสั่งซื้อที่สะดวก
ให้บริการวิธีการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ เช่น เงินสด โอนเงินผ่านธนาคาร และแอปชำระเงินบนมือถือ เช่น TrueMoney Wallet หรือ PromptPay กระบวนการสั่งซื้อที่ราบรื่นผ่านแชทบอท แอปส่งข้อความ หรือเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย สามารถเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้าได้

8. สร้างความไว้วางใจและการมีส่วนร่วมของลูกค้า
ตอบกลับข้อความและความคิดเห็นอย่างทันท่วงที มีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านโพสต์แบบโต้ตอบ และแบ่งปันคำรับรองจากลูกค้าเพื่อสร้างความไว้วางใจ การจัดเซสชันทำอาหารสดหรือเนื้อหาเบื้องหลังสามารถช่วยทำให้แบรนด์ของคุณดูมีมนุษยธรรมมากขึ้นได้เช่นกัน

การนำกลยุทธ์การตลาดออนไลน์เหล่านี้ไปใช้จะทำให้ธุรกิจอาหารจานเดียวของคุณเติบโตได้อย่างประสบความสำเร็จในชุมชนคอนโดมิเนียมและที่อื่นๆ การมีตัวตนทางดิจิทัลที่แข็งแกร่ง ร่วมกับอาหารคุณภาพสูงและการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว

6
สร้างรายได้ ด้วยข้าวไข่เจียวทรงเครื่องมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย อาหารจานเดียวอิ่มอร่อย

เมื่อพูดถึงอาหารไทย อาหารจานง่ายๆ แต่แสนอร่อยมักเป็นที่ชื่นชอบเสมอ หนึ่งในจานที่ได้รับความนิยมคือข้าวไข่เจียวทรงเครื่องซึ่งเป็นไข่เจียวสไตล์ไทยที่กรอบนุ่มฟู เสิร์ฟบนข้าวสวยร้อนๆ อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบรสชาติดี อาหารจานเดียวจานนี้เหมาะสำหรับรับประทานในทุกช่วงเวลาของวัน ทั้งยังให้ความสะดวกสบายและรสชาติแบบไทยแท้

ข้าวไข่เจียวทรงเครื่องเป็นอาหารจานเดียวที่ทำง่าย อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย สามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมได้ตามความชอบและความเหมาะสม

ข้าวไข่เจียวไทย คืออะไร?
ข้าวไข่เจียวเป็นอาหารยอดนิยมของไทยที่ขึ้นชื่อในเรื่องความกรอบและเนื้อสัมผัสที่นุ่มฟู ในขณะที่ไข่เจียวแบบพื้นฐานประกอบด้วยไข่ น้ำปลา และน้ำมันเพียงเล็กน้อย ข้าวไก่เจียวทรงเครื่องได้เพิ่มส่วนผสมต่างๆ เช่น เนื้อสับ ผักและสมุนไพรหอม ทำให้เป็นอาหารมื้อที่อิ่มท้องและมีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น

ส่วนผสมที่สำคัญ
ในการทำข้าวไข่เจียว รสชาติดี คุณจะต้องมี:
ไข่ – ฐานของจาน ตีจนฟู
เนื้อสับ (หมู ไก่ หรือกุ้ง) – เพิ่มโปรตีนและเนื้อสัมผัส
หัวหอมและต้นหอม – เพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติ
มะเขือเทศ – ให้มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย
พริก (ไม่จำเป็น) – สำหรับผู้ที่ชอบรสเผ็ด
น้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว – สิ่งสำคัญสำหรับการปรุงรส
ซอสหอยนางรม – เพิ่มความเข้มข้นให้กับรสชาติ
น้ำมันปรุงอาหาร – สำหรับทอดให้ภายนอกกรอบ
ข้าวหอมมะลินึ่ง – จับคู่กับไข่เจียวได้อย่างลงตัว

วิธีทำข้าวไข่เจียว
เตรียมส่วนผสม – ตีไข่ในชามแล้วผสมเนื้อสับ หัวหอมสับ มะเขือเทศและเครื่องปรุงรส (น้ำปลา ซอสหอยนางรม และพริกไทยขาวเล็กน้อย)
ตั้งน้ำมันให้ร้อน – ใส่น้ำมันลงในกระทะบนไฟปานกลางถึงสูง วิธีนี้จะช่วยให้ไข่เจียวพองตัวและกรอบ
ทอดไข่เจียว – เทส่วนผสมไข่ลงในน้ำมันร้อนแล้วทอดต่อประมาณ 2-3 นาทีจนเป็นสีน้ำตาลทอง พลิกอย่างระมัดระวังแล้วทอดอีกด้าน
เสิร์ฟบนข้าว – วางไข่เจียวกรอบบนข้าวหอมมะลินึ่งร้อนๆ ตกแต่งด้วยสมุนไพรสดและเสิร์ฟพร้อมซอสพริกหรือซอสศรีราชาเพื่อเพิ่มรสชาติ

ทำไมคุณถึงจะรักอาหารจานนี้
รวดเร็วและง่ายดาย – พร้อมภายใน 15 นาที ถือเป็นมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบสำหรับวันยุ่งๆ
อร่อยและหลากหลาย – คุณสามารถปรับแต่งส่วนผสมให้เหมาะกับรสนิยมของคุณได้
ประหยัดงบประมาณ – ใช้ส่วนผสมที่เรียบง่ายและราคาไม่แพง
เหมาะสำหรับมื้ออาหารใดๆ – เพลิดเพลินกับอาหารเช้า อาหารกลางวัน หรืออาหารเย็น

ข้าวไข่เจียวเป็นอาหารชั้นเลิศที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ กรอบ นุ่ม และรสชาติเข้มข้น ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ในการทำอาหารไทยหรือเป็นแฟนพันธุ์แท้ของอาหารไทยไก่เจียวทรงเครื่องก็เป็นเมนูที่ต้องลองชิม เพราะจะผสมผสานความเรียบง่ายและความอร่อยไว้ในทุกคำ ลองทำกินเองที่บ้านและสัมผัสรสชาติอาหารไทยในครัวของคุณเอง

7
โปรโมชั่นแท็บเล็ต: เสียวหมี่ Xiaomi Pad6 (8GB/128GB)
10,990 บาท

เสียวหมี่ Xiaomi Pad6 (8GB/128GB)
144Hz WQHD+ eye care display
Snapdragon 870
Quad speakers for immersive stereo sound

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น            เสียวหมี่ Xiaomi Pad6 (8GB/128GB)
   ราคากลาง         10,990 บาท
   จำนวนซิม            -
   สี                    Gold, Gray, Blue
   ความถี่-เครือข่าย
   ขนาด-น้ำหนัก                  ยาว 165.18 x กว้าง 253.95 x หนา 6.51 มม., น้ำหนัก 490 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน-ROM    128 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด          -
   แบตเตอรี่                        ความจุแบต 8,840 mAh

ชนิดจอ
   ชนิดจอ                   LCD
   ขนาด-ความละเอียด    11 นิ้ว, 1,800 x 2,880 px
   รายละเอียดอื่น

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                 กล้องหลัง (8 Mpx), กล้องหน้า (13 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                             -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)          Octa-core
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)
   หน่วยความจำ (RAM)                8 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก             USB (), Bluetooth (), NFC (), Wi-Fi ()
   ระบบรับส่งข้อความ                 -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต           -

8
โรคความดันโลหิตสูง ภัยเสี่ยงที่ควรเลี่ยงในผู้สูงอายุ

หนึ่งในโรคที่มักพบบ่อยในผู้สูงอายุคงหนีไม่พ้นอย่าง “โรคความดันโลหิตสูง” ที่เป็นภัยเงียบที่มีความน่ากลัวต่อร่างกาย เพราะยิ่งอายุเพิ่มขึ้นก็ยิ่งเสี่ยงความดันโลหิตสูงมากขึ้น โดยความน่ากลัวของโรคนี้คือมักไม่มีอาการแสดง กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง ตัวโรคก็สร้างความเสียหายต่อหลอดเลือดและหัวใจไปแล้ว

ความดันโลหิต คืออะไร?

ความดันโลหิต เป็นค่าความดันของกระแสเลือดที่เกิดจากกระบวนการสูบฉีดเลือดของหัวใจเพื่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยค่าความดันโลหิตสามารถวัดได้ 2 ค่า ได้แก่

    ค่าความดันช่วงบน (Systolic Blood Pressure (SBP)) คือ ค่าความดันโลหิตจากการบีบตัวของหัวใจ
    ค่าความดันช่วงล่าง (Diastolic Blood Pressure (DBP)) คือ ค่าความดันโลหิตจากการคลายตัวของหัวใจ

ซึ่งหากเกิดความผิดปกติของค่าความดันโลหิต เราจะเรียกภาวะนั้นว่า “ความดันโลหิตสูง” หรือ “ความดันโลหิตต่ำ”


ระดับความดันเท่าไหร่ถึงเรียกว่า “ความดันโลหิตสูง”

ความดันโลหิตสามารถวัดค่าได้โดยใช้เครื่องวัดความดัน ซึ่งค่าที่แสดงผลออกมาจะมีหน่วยเป็น (มม./ปรอท) สามารถแบ่งได้ดังนี้

    ค่าความดันช่วงบน น้อยกว่า 120 และค่าความดันช่วงล่าง น้อยกว่า 80 ถือว่าความดันปกติ
    ค่าความดันช่วงบน อยู่ระหว่าง 120 - 139 และค่าความดันช่วงล่าง อยู่ระหว่าง 80 - 89 ถือว่าความดันสูงเล็กน้อย
    ค่าความดันช่วงบน อยู่ระหว่าง 140 - 159 และค่าความดันช่วงล่าง อยู่ระหว่าง 90 - 99 ถือว่ามีภาวะความดันโลหิตสูงระยะที่ 1
    ค่าความดันช่วงบน มากกว่า 160 และค่าความดันช่วงล่าง มากกว่า 100 ถือว่ามีภาวะความดันโลหิตสูงระยะที่ 2 หรือระยะอันตราย

ทั้งนี้ การวัดค่าความดันโลหิตด้วยเครื่องวัดความดันควรวัดซ้ำ 2 - 3 ครั้ง เพื่อเป็นการตรวจเช็คว่าค่าความดันโลหิตไม่ผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อน

โรคความดันโลหิตสูง มักไม่มีสัญญาณเตือน!

ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง ส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการแสดง หรือหากมีจะมีเพียงอาการปวดหัว เวียนหัว มึนงง ปวดท้ายทอย หรือเหนื่อยง่ายผิดปกติ ซึ่งหากปล่อยให้มีภาวะความดันโลหิตสูงนานๆ และไม่ทำการรักษา อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่ออวัยวะสำคัญต่างๆ ในร่างกายได้


ความดันโลหิตสูง...ปล่อยไว้อันตรายถึงชีวิต

การมีภาวะความดันโลหิตสูงนานๆ จะสามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ

    ภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูงโดยตรง เช่น หัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมอง
    ภาวะแทรกซ้อนจากหลอดเลือดตีบตัน หากเกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น ไต สมอง หรือหัวใจ อาจทำให้มีอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น การเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดในสมองตีบหรืออุดตัน หรือไตวาย เป็นต้น


ปัจจัยเสี่ยงและต้นเหตุของโรคความดันโลหิตสูง

อายุ : เมื่อร่างกายมีอายุที่มากขึ้น เส้นเลือดในร่างกายจะมีความเสื่อมตามอายุ ดังนั้นยิ่งอายุเพิ่มขึ้นความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูงก็จะสูงมากขึ้นตาม

ประวัติของบุคคลในครอบครัว : หากพบว่ามีบุคคลในครอบครัวมีภาวะความดันโลหิตสูง โอกาสที่โรคความดันโลหิตสูงจะส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นผ่านพันธุกรรมก็มีมากยิ่งขึ้น

พฤติกรรมการใช้ชีวิต : โรคความดันโลหิตสูงมักเกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ที่ทำจนเป็นกิจวัตรประจำวัน เช่น การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ การบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูงหรือทานอาหารที่มีโพแทสเซียมไม่เพียงพอ และการไม่เคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายน้อย

ผู้ที่มีภาวะอ้วน : ในผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ร่างกายจะต้องสูบฉีดเลือดเพื่อนำไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายมากขึ้น ทำให้เสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูงได้

ความเครียด : เมื่อร่างกายเกิดภาวะเครียดอาจทำให้มีความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นชั่วขณะได้

โรคเรื้อรังบางชนิด : การเป็นโรคเรื้อรังบางชนิดอาจส่งผลให้มีความดันโลหิตสูงได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ หรือภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ

 
ป้องกันความดันโลหิตสูง...แค่เปลี่ยนพฤติกรรม

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือวิถีการดำเนินชีวิต จะสามารถช่วยป้องกันและฟื้นฟูภาวะความดันโลหิตสูงได้ เพียงแค่เลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิด ดังนี้...

    ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที
    ลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
    หลีกเลี่ยงหรือลดอาหารที่มีโซเดียมเยอะ
    งดสูบบุหรี่ และจำกัดปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
    ลดความเครียด ด้วยการหากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำ

ทั้งนี้ หากทราบว่าตนเองเสี่ยงที่จะมีภาวะความดันโลหิตสูง ควรที่จะได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพราะภาวะนี้มักไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า นอกจากนี้การตรวจสุขภาพประจำปีก็เป็นส่วนช่วยในการป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงได้ เนื่องจากเป็นการคัดกรองความผิดปกติ เพื่อให้รู้ความเสื่อมถอยของร่างกาย หากรู้ไวทางเลือกในการป้องกันและการรักษาย่อมมีมากกว่า!

9
ต้องแปรงฟันหรือดูแลช่องปากอย่างไร เมื่อเด็กต้องเข้ารับการจัดฟันเด็ก

การดูแลรักษาความสะอาดของช่องปกและฟัน ถือว่าเปานกิจวัตรประวันที่เราต้องทำทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวัยไหน การมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ก็ถือว่าช่วยทำให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมั่นใจมากขึ้น เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ควรที่จะดูแลสุขภาพปากและฟันของตัวคุณเองที่ดี เพื่อแสดงให้เด็กเห็นว่าสุขภาพปากและฟันเป็นสิ่งที่มีค่า และดียิ่งขึ้นถ้าคุณช่วยสร้างบรรยากาศให้กับการดูแลสุขภาพปากและฟันเป็นเรื่องสนุก เช่น การแปรงฟันไปกับลูกของคุณ การให้เด็กเลือกแปรงสีฟันด้วยตนเอง ก็เป็นการช่วยสนับสนุนการดูแลสุขภาพปากและฟันอย่างเหมาะสมกับเด็กได้ การปลูกฝังทัศนคติที่ดีในการดูแลรักษาฟัน จะช่วยให้เด็กได้เข้าใจว่า การที่เรามีฟันที่แข็งแรงนั้น ก็จะช่วยทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้น การปลูกฝังหรือสร้างทัศนคติที่ดี จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งในวัยเด็ก เมื่อเราปลูกฝังอะไรเข้าไป เด็กก็จะรับรู้และเอาไปเป็นตัวอย่าง โดยพ่อแม่ผู้ปกครอง อาจจะเริ่มต้นด้วยการแปรงฟันให้ลูกดูอย่างถูกวิธี สอนให้ลูกแปรงฟันอย่างถูกต้อง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันในเด็กได้แล้ว

นอกจากนี้ หากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการแก้ไขทันทีไม่ควรปล่อยไว้ให้ปัญหาฟันลุกลามจนอาจจะทำให้เกิดผลเสียได้ หากลูกมีความผิดปกติเกี่ยวกับรูปร่างฟัน การขึ้นของฟัน ก็สามารถพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ แต่หลายคนอาจจะยังมีความกังวลที่ว่า เมื่อเด็กจะต้องเข้ารับการจัดฟันในเด็กแล้ว ในเรื่องของของการแปรงฟัน หรือการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ควรจะดูแลอย่าไร เพื่อไม่ให้เด็กมีฟันผุ เพราะหลายคนอาจจะคิดว่า การเข้ารับการจัดฟันนั้น ดุแลรักษาความสะอาดยาก ทั้งเรื่องของการรับประทานอาหารและการแปรงฟัน อาจจะทำให้เด็กไม่สามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างทั่วถึง

ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการทำความสะอาดและการดูลสุขภาพช่องปากและฟัน เมื่อเด็กต้องเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สำหรับเรื่องของการแปรงฟันในเด็กที่เข้ารับการจัดฟันนั้น เด็กสามารถการแปรงฟันได้เช่นเดิม แต่ต้องมีการแปรงที่ตัวฟันเพิ่มมากขึ้น เช่น ควรที่จะใช้ไหมขัดฟันร้อยไปตามตัวลวดแล้วขัดฟัน ต่อมาจากนั้น แปรงซอกฟันเพื่อทำความสะอาดขอบข้างของเครื่องมือจัดฟัน การแปรงลิ้น และทำความสะอาดกระพุ้งแก้ม ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น พ่อแม่อาจจะคอยให้คำแนะนำระหว่างที่เด็กกำลังแปรงฟันได้ เพื่อสอนให้เด็กแปงฟันได้อย่างทั่วถึงและสะอาด เพราะเครื่องมือการจัดฟัน อาจจะทำให้เด็กแปรงฟันได้ยากกว่าเดิม หรือควรใช้ไหมขัดฟันก่อนแปรงฟัน เพื่อเป็นการขจัดเชื้อโรคไปด้วย แล้วจึงแปรงฟันด้วยแปรงขนนุ่ม โดยเลือกขนาดของแปรงให้เหมาะกับช่องปากและฟัน สำหรับยาสีฟัน ควรใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ และแนะนำให้แปรงแห้งคือ บ้วนปาก บีบยาสีฟันแล้วแปรง บ้วนยาสีฟันส่วนเกินออก หลังแปรงไม่บ้วนปาก เพราะจะทำให้ฟลูออไรด์ส่วนที่มากับยาสีฟันจะได้จับกับตัวฟันได้ดีนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกคองที่ควรเอาใจใส่ในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันของเด็กให้มากเป็นพิเศษ เพื่อที่เด็กจะได้มีสุขภาพฟันที่แข็งแรง หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมัทนตแพทย์ที่มีคงวามเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็ก จึงคอยให้คำแนะนำในเรื่องของการแปรงฟัน การดูแลรักษาฟันได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ทันตแแพทย์ของเรายังมีประสบการณ์ด้านทันตกรรมครบจรมาอย่างยาวนาน จึงทำให้สามารถรักษาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมั่นจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่าแน่นอน เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป้นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี

10
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส ปวดฟันน้อยกว่าการจัดฟันแบบติดแน่น
 
การเข้ารับการจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากการจัดฟันแบบใสเป็นนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษาทำให้ผลการรักษามีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ต่างจากการจัดฟันแบบทั่วไปที่ใช้เหล็กจัดฟัน ซึ่งแน่นอนว่าการจัดฟันแบบใสนั้น จะช่วยส่งเสริมในเรื่องของบุคลิกภาพของผู้เข้ารับการจัดฟันได้เป็นอย่างดีและยังช่วยเสริมสร้างในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันอีกด้วย เพราะเนื่องจากเครื่องมือการจัดฟันที่สามารถถอดเข้าออกได้อย่างง่ายดาย

ทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกซอกทุกมุม ช่วยลดการเกิดฟันผุและปัญหาฟันอื่นๆที่มาจากการแปรงฟันไม่สะอาด นอกจากนี้ การจัดฟันแบบใสจะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดทำให้มีอาการปวดฟันน้อยกว่าการจัดฟันแบบติดแน่น ซึ่งใครที่เคยผ่านการจัดฟันแบบสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่นมาแล้ว ก็จะทราบกันดีว่าช่วงเวลาที่จะต้องเข้าพบทันตแพทย์และทำการปรับเครื่องมือต่างๆ

จะทำให้รู้สึกปวดฟันในช่วง1-2วันแรก หรือบางกรณีอาจทำให้เกิดอาการปวดฟันหลังจากการปรับเครื่องมือเป็นเวลานานเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการจัดฟันแบบใสที่ทำให้รู้สึกปวดฟันน้อยกว่าครึ่งมือแบบติดแน่น ซึ่งการจัดฟันสองรูปแบบนี้ก็มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
 
หากใครที่เคยผ่านการเข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไป จะทราบกันดีว่าเมื่อเข้ารับการติดตั้งเครื่องมือภายในช่องปากในช่วงแรก ผู้เข้ารับการจัดฟันอาจจะยังไม่คุ้นชินหรือยังมีอาการปวดฟันซึ่งจะทำให้รู้สึกตึงๆอยู่ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เนื่องจากร่างกายและช่องปากยังปรับตัวไม่ได้กับเครื่องมือการจัดฟันก็อาจจะทำให้เกิดบาดแผลภายในช่องปากหรืออาการปวดฟันได้

ซึ่งนี่ถือว่าเป็นอาการที่ทำให้หลายคนรู้สึกรำคาญใจ เพราะแน่นอนว่า ทุกคนคงไม่อยากมีอาการปวดฟัน เพราะพอเรารู้สึกปวดฟันขึ้นมาแล้วจะทำให้รู้สึกว่าใช้ชีวิตได้ลำบากมากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ สำหรับผู้เข้ารับการจัดฟันเลยทีเดียว เพราะอาการปวดฟัน ยังส่งผลต่อการรับประทานอาหารโดยตรง ทำให้รู้สึกไม่อยากรับประทานอาหาร เพราะเนื่องจากอาการเจ็บปวดภายในช่องปากและหลังจากการที่เข้ารับการปรับเครื่องมือกับทันตแพทย์ ก็จะทำให้รู้สึกปวดฟัน

เนื่องจากเครื่องมือการจัดฟันที่ดึงฟันและเครื่องมือที่ทำหน้าที่เคลื่อนตัวฟันไปใน ตำแหน่งที่ทันตแพทย์วางไว้ก็จะทำให้รู้สึกปวด แต่ในการเข้ารับการจัดฟันแบบใสนั้น อาการเจ็บปวดจะมีในช่วง 1-2 วันแรก หลังจากสวมใส่เครื่องมือการจัดฟัน เพราะเนื่องจากช่องปากของเรากำลังปรับตัวให้เข้ากับเครื่องมือจึงทำให้รู้สึกมีอาการเจ็บปวดภายในช่องปาก แต่การจัดฟันแบบใสนั้น จะต่างจากการจัดฟันแบบทั่วไป

จากไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือภายในช่องปากและเครื่องมือการจัดฟัน สามารถถอดออกได้ ซึ่งจะทำให้ลดอาการเจ็บปวดจนแทบจะไม่รู้สึกเลยทีเดียว นอกจากนี้ การทำงานของเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ยังไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดอีกด้วย เพราะเครื่องมือการจัดฟันแบบใสจะทำหน้าที่เคลื่อนตัวฟัน โดยใช้แรงที่เบามากจนแทบไม่รู้สึก จึงช่วยลดอาการเจ็บปวดได้

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าการจัดฟันแบบใสจะทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันปวดฟันน้อยกว่าการจัดฟันแบบเครื่องมือแบบติดแน่น นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องของเครื่องมือภายในช่องปาก รับประทานอาหารได้อย่างหลากหลายและช่วยส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันได้เป็นอย่างดี ช่วยลดการเกิดปัญหาฟันและปัญหากลิ่นปากด้วย


หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์อย่างยาวนาน จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้คลินิกของเรา ยังได้รับการรับรองจากทาง Invisalign ให้สามารถให้บริการจัดฟันแบบใสได้อย่างปลอดภัย มาตรฐานสากล จึงทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่า คุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี พร้อมกับมีฟันที่สวยงาม มีรอยยิ้มที่สดใสมั่นใจได้อย่างแน่นอน

11
มอเตอร์ไซด์ใหม่ เดโก้ Deco SuperAce EV ปี 2024
62,900 บาท

เดโก้ Deco SuperAce EV ปี 2024
Deco SuperAce มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าความเร็วสูง ด้วยกำลังไฟ 2,000 W ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย เวลาชาร์จ 4 ชม. ความเร็วสูงสุด 80 กม.ชม. ระยะทางสูงสุด 70 กม. (ทดสอบที่ความเร็วเฉลี่ย 35 กม./ชม. ระยะทางที่ได้ขึ้นอยู่กับการบรรทุกน้ำหนักและการขับขี่) ราคา 62,900 บาท

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์             Deco
   รุ่น                  เดโก้ Deco SuperAce EV ปี 2024
   ประเภทรถ         Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว         2024
   ราคา              62,900 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์      เกียร์ออโต้
   ระบบเกียร์        เกียร์ออโต้
   รายละเอียดเครื่องยนต์
   ระบบระบายความร้อน
   ระบบสตาร์ท
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)   CC
   แบบเครื่องยนต์
   ระบบจุดระเบิด
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง     ไฟฟ้า
   ระบบจ่ายน้ำมัน
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)      ลิตร
   ระบบกันสะเทือน             ล้อหน้า เทเลสโคปิค, ล้อหลัง โช๊คอัพคู่
   ระบบเบรค                    ล้อหน้า ดิสก์เบรก (), ล้อหลัง ดิสก์เบรก ()
   แบบวงล้อ                     แม็ก
   ขนาดยาง                     ล้อหน้า 120/70-12 58P, ล้อหลัง 120/70-12 58P
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.) 1,880 x 750 x 1,080
   น้ำหนักตัวรถ                   99.80 กก.

12
mobile expo 2025: เลือกซื้อรุ่นไหนดี? Redmi Pad VS realme Pad สองแท็บเล็ตราคาหลักพันกับโจทย์ใช้เรียน ทำงาน และขายของออนไลน์

หลังจากเคยแนะนำแท็บเล็ตฝั่ง iOS อย่าง iPad ไปแล้ว (อ่านบทความย้อนหลัง) รอบนี้ขอมาที่ฝั่งของแท็บเล็ต Android OS กันบ้างครับ หลังจากที่เงียบเหงามานานล่าสุดตลาดแท็บเล็ต Android ปีนี้ก็กลับมาครึกครื้นอีกรอบ โดยเฉพาะในกลุ่มแท็บเล็ตราคาหลักพันบาท ที่มีตัวเลือกในตลาดให้เลือกซื้อกันหลายรุ่น

ซึ่งรอบนี้ผมขอหยิบสองรุ่นเด่น ที่มีสเปกตัวเครื่อง ดีไซน์ ประสิทธิภาพ รวมถึงราคาวางจำหน่ายที่ใกล้เคียงกันมากอย่าง Redmi Pad และ realme Pad มาแนะนำพร้อมเปรียบเทียบข้อมูลให้ทุกคนได้พิจารณาไปพร้อมกันครับ โดยเฉพาะใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตเครื่องใหม่ สำหรับใช้เรียนออนไลน์ ทำงานทั่วไป หรือขายของออนไลน์ห้ามพลาดเลย!!

 ♦ KEY MESSAGE | จุดเด่นที่สำคัญ ชวนให้เลือก     

                            | จอแสดงผล
หน้าจอแสดงผลของทั้งสองรุ่น ถึงแม้จะเป็นจอชนิดเดียวกัน ความละเอียดเท่ากัน และรองรับการแสดงผลใกล้เคียงกัน แต่ขนาดหน้าจอของทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกัน รวมถึงค่า Refresh rate ด้วย

หน้าจอแสดงผล Redmi Pad
โดย Redmi Pad จะมีขนาดหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 10.61 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K และมีค่า Refresh rate 90Hz ในขณะที่ realme Pad จะมีหน้าจอแสดงผลขนาด 10.4 นิ้ว ความละเอียด 2K และมีค่า Refresh rate 60Hz เท่านั้น

ชิปประมวลผล | ROM Type
ด้านการประมวลผล ทั้งสองแบรนด์เลือกใช้ชิปประมวลผลจาก MediaTek G Series ด้วยกันทั้งคู่ และมีรุ่นของขนาดความจุ RAM กับ ROM ที่คล้ายกัน เพียงแต่ของ Redmi Pad จะใช้เป็น MediaTek Helio G99 และใช้ ROM แบบ UFS 2.2 ทุกรุ่นย่อย ในขณะที่ realme Pad จะใช้ชิปประมวลผลเป็น MediaTek Helio G80 และมี ROM แบบ eMMC 5.1

ดังนั้นในด้านการเขียนอ่านข้อมูลจะมีความแตกต่างเกิดขึ้นแน่นอน และก็จะส่งผลต่อการประมวลผลในภาพรวมของตัวเครื่องเมื่อเราต้องใช้งานในระดับที่สูงขึ้น แต่ถ้าหากใช้งานทั่วไปแทบจะไม่มีความแตกต่างเลยล่ะครับ

แบตเตอรี่
ด้านพลังงานก็เป็นอีกจุดที่มีความแตกต่างกันแบบมีนัยสำคัญระหว่างแบตเตอรี่ขนาดความจุ 7100 mAh บน realme Pad และแบตเตอรี่ขนาดความจุ 8000 mAh บน Redmi Pad

ดังนั้นใครที่ต้องใช้งานห่างจากแหล่งชาร์จไฟเป็นระยะเวลานาน แนะนำว่าทาง Redmi Pad น่าจะตอบโจทย์มากกว่า ถึงแม้ขนาดความจุจะต่างกันไม่มากแต่ก็มีผลต่อชั่วโมงการใช้งานครับ

♦ สรุป | Conclusion                                                                               
บทสรุปของแท็บเล็ตแอนดรอยด์ทั้งสองรุ่นนี้ ถ้ามองกันตามข้อมูลสเปกตัวเครื่องทาง Redmi Pad จะได้เปรียบจากการที่เปิดตัวตามมาในภายหลัง ดังนั้นความสดใหม่ของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ยังไง Redmi Pad ก็เด่นกว่าค่อนข้างชัดเลย
แต่ถ้าหากเรามองเป็นภาพรวมในด้านการใช้งาน และผลลัพธ์ที่คาดหวังให้เป็นแท็บเล็ตที่มีความอเนกประสงค์ สามารถตอบรับทุกการใช้งานในไลฟ์สไตล์ได้ ขอไม่ต้องสุด แต่ก็ไม่ได้แย่เกินไป แท็บเล็ตทั้งสองรุ่นนี้เป็นคำตอบให้ได้
เพราะมีความแตกต่างกันน้อยมากครับ สามารถใช้งานในด้านของการนำไปเรียนออนไลน์ ใช้อ่านไฟล์เอกสาร ไฟล์ e-Book รวมถึงใช้อ่านคอมเม้นต์ตอนไลฟ์ขายของก็ได้ดีทั้งคู่เลย แต่ถ้าหากใครที่ต้องการความสดใหม่โดยเฉพาะด้านฮาร์ดแวร์อย่าง เช่น ROM Type, CPU หรือ Bluetooth 5.3 เป็นต้น ทาง Redmi Pad จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของการเปรียบเทียบครั้งนี้ครับ

13
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: หน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน (Acute glomerulonephritis/AGN)

หน่วยไต (glomerulus) เป็นหน่วยเล็ก ๆ ที่กระจายอยู่ในเนื้อไต ทำหน้าที่กรองของเสียและน้ำออกมาเป็นปัสสาวะ เมื่อมีการอักเสบเกิดขึ้นที่หน่วยไต ทำให้ร่างกายขับปัสสาวะออกได้น้อย มีของเสียคั่งอยู่ในเลือดมากกว่าปกติ รวมทั้งมีเม็ดเลือดแดงและสารไข่ขาวรั่วออกมาในปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการบวม และปัสสาวะออกมาเป็นสีแดง

หน่วยไตอักเสบ เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก พบได้ในคนทุกวัย อาจเป็นเรื้อรังหรือมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้

สาเหตุ

โรคนี้มักเกิดตามหลังการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า บีตาฮีโมไลติกสเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ (beta-hemolytic streptococcus group A) เช่น ทอนซิลอักเสบ แผลพุพอง เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ ไฟลามทุ่ง โดยภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดขึ้นไปมีปฏิกิริยาต่อหน่วยไต ทำให้หน่วยไตเกิดการอักเสบ จัดว่าเป็นโรคภูมิต้านตนเองชนิดหนึ่ง เรียกว่า หน่วยไตอักเสบเฉียบพลันหลังติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัส (poststreptococcal AGN) พบบ่อยในเด็กอายุ 5-10 ปี มักพบหลังติดเชื้อในคอ 1-2 สัปดาห์ และหลังติดเชื้อที่ผิวหนัง 3-4 สัปดาห์ อาจพบได้ประมาณร้อยละ 10-15 ของผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าวที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

นอกจากนี้ยังอาจเกิดร่วมกับโรคเอสแอลอี ซิฟิลิส การแพ้สารเคมี (เช่น ตะกั่ว) การใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์มากเกิน เป็นต้น

อาการ

มีไข้ ปวดศีรษะ มีอาการบวมที่หน้า หนังตา เท้า และท้อง อาจมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย

ผู้ป่วยจะสังเกตเห็นปัสสาวะออกมาเป็นสีแดงเหมือนน้ำล้างเนื้อหรือน้ำหมาก และออกเป็นฟอง จำนวนปัสสาวะมักออกน้อยกว่าปกติ

ถ้าเป็นรุนแรง อาจมีอาการปัสสาวะออกน้อยมาก หอบเหนื่อย หรือชัก

ภาวะแทรกซ้อน

ที่อาจพบได้ ได้แก่

    มีความดันโลหิตสูงมาก ๆ จนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว หรืออาการทางสมอง (เช่น ชัก ไม่ค่อยรู้สึกตัว)
    ภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) ใช้เครื่องฟังปอดมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation) มีอาการหอบเหนื่อย
    หน่วยไตอักเสบเรื้อรัง โรคไตเนโฟรติก ไตวายเรื้อรัง
    ภาวะไตวายเฉียบพลัน ซึ่งอาจร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

มักตรวจพบไข้ ความดันโลหิตสูง หน้าบวม หนังตาบวม เท้าบวมกดบุ๋ม ท้องบวม ปัสสาวะขุ่นแดง และตรวจพบสารไข่ขาว (albumin) ขนาด 1+ ถึง 3+

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจปัสสาวะซึ่งจะพบเม็ดเลือดแดงเกาะกันเป็นแพ (red blood cell cast) และพบเม็ดเลือดขาวอยู่กันเดี่ยว ๆ หรือเกาะกันเป็นแพ

การตรวจเลือดอาจพบความผิดปกติต่าง ๆ เช่น สารบียูเอ็น (BUN) และครีอะตินีน (creatinine) สูง ซึ่งแสดงว่าไตขับของเสียไม่ได้เต็มที่

บางกรณีแพทย์อาจต้องทำการตรวจชิ้นเนื้อไต (renal biopsy)


การรักษาโดยแพทย์

1. นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

    ให้ยาขับปัสสาวะ (เช่น ฟูโรซีไมด์) และยาลดความดัน
    ให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ เช่น ถ้าเป็นทอนซิลอักเสบ หรือการติดเชื้อที่ผิวหนัง ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น อะม็อกซีซิลลิน หรืออีริโทรไมซิน
    หลังจากรักษาจนอาการหายเป็นปกติแล้ว แพทย์จะนัดผู้ป่วยมาติดตามอาการและตรวจปัสสาวะเป็นระยะ เพื่อเฝ้าดูว่ามีหน่วยไตอักเสบเรื้อรังเกิดตามมาหรือไม่

2. ถ้ามีอาการชักหรือหอบ หรือสงสัยมีภาวะไตวาย (เช่น ปัสสาวะออกน้อย ระดับบียูเอ็นและครีอะตินีนในเลือดสูง) หรือมีความดันโลหิตสูงรุนแรง จำเป็นต้องรับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล ทำการตรวจและรักษาภาวะที่พบ เช่น ให้ยาแก้ชัก ยาขับปัสสาวะ ล้างไต เป็นต้น
 

ผลการรักษา ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม ส่วนใหญ่จะหายได้เป็นปกติ โดยอาการบวม ปัสสาวะสีแดง และความดันโลหิตสูงจะหายเป็นปกติใน 2-3 สัปดาห์ ส่วนการตรวจปัสสาวะ (ที่นำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ) จะพบสารไข่ขาว และจำนวนเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติอยู่นาน 6 เดือนถึง 1 ปี จึงจะกลับมาเป็นปกติ

ส่วนน้อย (ราวร้อยละ 2 ของหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันหลังติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัส) อาจกลายเป็นโรคหน่วยไตอักเสบเรื้อรัง ซึ่งอาจกลายเป็นโรคไตเนโฟรติก และไตวายเรื้อรังตามมา

ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาล่าช้าไป ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหรือเสียชีวิตได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการไข้ หน้าบวม หนังตาบวม เท้าบวม ปัสสาวะขุ่นแดง ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคหน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด แม้ว่าอาการต่าง ๆ จะหายดีแล้ว แพทย์จะทำการตรวจปัสสาวะเป็นระยะจนกว่าจะกลับมาเป็นปกติ ซึ่งอาจใช้เวลานานเป็นปี
    ควรพักผ่อนให้มาก ๆ
    งดอาหารเค็ม เพื่อลดอาการบวม
    ลดน้ำหนัก (ถ้าน้ำหนักเกิน) และงดบุหรี่
    ควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ (ถ้าเป็นเบาหวาน)


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา 
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. ถ้าเป็นทอนซิลอักเสบ แผลพุพอง เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ หรือไฟลามทุ่ง ควรกินยาปฏิชีวนะให้ครบตามที่แพทย์กำหนด

2. ป้องกันโรคติดเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคนี้ เช่น ฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน คางทูม และตับอักเสบจากไวรัสบี ป้องกันโรคเอดส์และตับอักเสบ (ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงการฉีดสารเสพติดเข้าหลอดเลือดดำ) เป็นต้น

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว ควรไปติดตามตรวจกับแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่อง นอกจากเฝ้าระวังดูโรคหน่วยไตอักเสบเรื้อรังที่อาจเกิดตามมาแล้ว ยังต้องเฝ้าระวังดูโรคความดันโลหิตสูงและภาวะไตวายเรื้อรังที่อาจเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น

2. หน่วยไตอักเสบเรื้อรัง (chronic glomerulonephritis) นอกจากเป็นภาวะแทรกซ้อนของหน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน และเกิดจากสาเหตุแบบเดียวกับหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันแล้ว ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น ความดันโลหิตสูง และเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ มะเร็ง การสูบบุหรี่มาเป็นระยะยาวนาน การสัมผัสสารไฮโดรคาร์บอน(เช่น ยาฆ่าแมลง น้ำมันเบนซิน สี กาว) ความผิดปกติทางพันธุกรรม เป็นต้น บางรายอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้ป่วยจะมีอาการหน้าบวม เท้าบวม ปัสสาวะมาก ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีด เลือดกำเดาไหลบ่อย อาจถ่ายปัสสาวะออกเป็นเลือด มักมีความดันโลหิตสูง ตรวจพบสารไข่ขาวและเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ บางรายอาจไม่มีอาการ โรคนี้มักเป็นเรื้อรังและอาจมีภาวะแทรกซ้อน (เช่น ทางเดินปัสสาวะติดเชื้ออักเสบบ่อย เป็นโรคติดเชื้อง่าย ไตวายเรื้อรัง หัวใจล้มเหลว) ควรไปตรวจรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางรายอาจจำเป็นต้องทำการล้างไตหรือปลูกถ่ายไต

14
หมอออนไลน์: หลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน

หลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน เป็นสาเหตุสำคัญหนึ่งที่ทำให้สายตาพิการที่เกิดขึ้นฉับพลันทันที โรคนี้พบได้ค่อนข้างน้อย (พบได้ประมาณ 1 รายต่อประชากร 100,000 คนต่อปี) มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยผู้ป่วยมีอายุเฉลี่ยอยู่ในช่วง 60 ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ส่วนมากมักเกิดข้างเดียว มีเพียงราวร้อยละ 1-2 ที่พบว่าเกิดทั้ง 2 ข้าง

โรคนี้ถือว่าเป็นภาวะฉุกเฉิน ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้ตาบอด และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ

สาเหตุ

ส่วนใหญ่เกิดจากการที่มีสิ่งหลุดอุดหลอดเลือด (embolus) ได้แก่ คราบไขมัน (cholesterol embolus) ซึ่งเกิดขึ้นที่หลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ (carotid artery) และคราบหินปูน (calcified embolus) หรือลิ่มเลือด (thrombus) ซึ่งเกิดขึ้นที่หัวใจ หลุดลอยเข้าไปอุดตันในหลอดเลือดแดงหลักของจอตา ทำให้เซลล์ประสาทของจอตาขาดเลือดไปเลี้ยง เกิดอาการตามืดบอดอย่างฉับพลัน

บางรายอาจเกิดจากภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอตีบ (carotid stenosis) เลือดไหลเข้าไปในหลอดเลือดแดงหลักของจอตาได้น้อย จอตาจึงขาดเลือดไปเลี้ยง

ผู้ป่วยที่เกิดจากสิ่งหลุดอุดหลอดเลือดจากคราบไขมันที่หลุดลอยมาจากหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ หรือภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอตีบ มักมีอายุมากกว่า 40-50 ปีขึ้นไป และมักมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด (เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน การสูบบุหรี่ เป็นต้น) หรือมีประวัติเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด (เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมอง) อยู่เดิม

ส่วนผู้ป่วยที่มีสาเหตุเกี่ยวกับความผิดปกติอื่น ๆ ของหัวใจ มักมีอายุน้อยกว่า 40 ปี และมักเกิดจากสิ่งหลุดอุดหลอดเลือดจากคราบหินปูนซึ่งเกิดที่ลิ้นหัวใจที่ผิดปกติ นอกจากนี้ ยังอาจมีสาเหตุจากโรคหัวใจอื่น ๆ เช่น ภาวะหัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว (atrial fibrillation ซึ่งก่อให้เกิดลิ่มเลือดหลุดลอยไปอุดตันในหลอดเลือดแดงหลักของจอตา) เยื่อบุหัวใจอักเสบ (endocarditis ซึ่งก่อให้เกิดสิ่งหลุดอุดหลอดเลือดจากคราบเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อ หรือ septic embolus)

ผู้ป่วยส่วนน้อยอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น โรคเลือดข้นหรือภาวะเม็ดเลือดแดงมาก (polycythemia) ภาวะเลือดแข็งตัวเร็ว (จากการกินยาคุมกำเนิด ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด หรือจากสาเหตุอื่น ๆ) หลอดเลือดแดงขมับอักเสบ (temporal arteritis หรือ giant cell arteritis) ต้อหิน การฉีดสารเสพติด (ทำให้เกิดสิ่งหลุดอุดหลอดเลือดจากสิ่งแปลกปลอม หรือ foreign body embolus)


อาการ

มีอาการตามืดมัวข้างเดียวอย่างฉับพลันทันที ภายในเวลาไม่กี่วินาที โดยที่ไม่มีอาการปวดตาร่วมด้วย ส่วนใหญ่จะมีสายตามืดมัวรุนแรง จนอาจเหลือเพียงแค่นับนิ้ว (counting finger) ของผู้ตรวจ หรือเพียงบอกทิศทางที่มาของแสง (light perception) ซึ่งมักจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและถาวร

บางรายอาจมีอาการตามืดบอดชั่วคราวนำมาก่อน นานแค่นับเป็นวินาทีหรือเป็นนาที (นานสุดไม่เกิน 2 ชั่วโมง) แล้วทุเลาเป็นปกติไปได้เอง เรียกว่า อาการตามืดบอดชั่วขณะ (amaurosis fugax) ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตันเพียงชั่วคราว (transient CRAO)

ในรายที่เกิดหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน 2 ข้าง จะมีอาการมืดมัวพร้อมกันทั้ง  2 ข้าง

ภาวะแทรกซ้อน

ที่พบบ่อยคือ สายตามืดบอดถาวร เนื่องจากเซลล์ประสาทที่จอตาตายหรือเสื่อมสภาพอย่างถาวรหลังจากขาดเลือดนานเกิน 4 ชั่วโมง ซึ่งมีผู้ป่วยน้อยรายที่จะไปรับการรักษาจากแพทย์ได้ภายใน 4 ชั่วโมง

ผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้ มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองมีลิ่มเลือดอุดตัน (อัมพาตครึ่งซีก) และโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังเป็นหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน

ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองมีลิ่มเลือดอุดตัน (อัมพาตครึ่งซีก) สูงเป็น 10 เท่าของคนทั่วไปในระยะ 3.5 ปีหลังเป็นหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน และยังคงมีความเสี่ยงต่อไปนานนับ 10 ปี

นอกจากนี้ อาจเกิดโรคต้อหินแทรกซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากการซักถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และตรวจพบว่าสายตามืดมัวรุนแรง (นับนิ้วได้ หรือเห็นแค่แสง)

แพทย์จะวินิจฉัยให้แน่ชัด ด้วยการใช้กล้องส่องตรวจในลูกตา (fundoscopy) และการใช้เครื่องมือพิเศษตรวจความผิดปกติของจอตาและหลอดเลือดจอตา เช่น fluorescein angiogram, optical coherent tomography (OCT), optical coherence tomography angiography (OCT-A) เป็นต้น

นอกจากนี้ จะทำการตรวจหาสาเหตุที่เกี่ยวข้อง เช่น ตรวจเลือด (ดูภาวะเม็ดเลือดแดงมาก ภาวะเลือดแข็งตัวเร็ว ระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ภาวะการอักเสบในร่างกายจากโรคหลอดเลือดแดงขมับอักเสบ เป็นต้น) ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ อัลตราซาวนด์หลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ ถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้มีโอกาสสูงที่จะเกิดอาการตามืดบอดอย่างถาวร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปล่อยให้มีอาการนานเกิน 4 ชั่วโมง

การรักษาจะได้ผลดีที่สุด คือ ต้องได้รับการรักษาจากจักษุแพทย์ภายใน 4 ชั่วโมงหลังมีอาการ

อย่างไรก็ตาม ในรายที่มาพบแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล และอาจทดลองรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

    การนวดตา (ocular massage) เชื่อว่าจะทำให้มีการขยายตัวของหลอดเลือดแดงและเพิ่มเลือดไปเลี้ยงที่จอตา
    การเจาะระบายน้ำในช่องลูกตาหน้า (anterior chamber paracentesis)
    การให้ยาเพื่อลดความดันลูกตา เช่น การให้ยา acetazolamide หรือ mannitol ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ หรือให้กินยา glyceral 
    การอมยาใต้ลิ้นเพื่อขยายหลอดเลือด (sublingual isosorbide dinitrate)
    การบำบัดด้วยออกซิเจนความดันบรรยากาศสูง (hyperbaric oxygen therapy) โดยให้ผู้ป่วยหายใจด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% ขณะอยู่ใน "ห้องปรับความดันบรรยากาศสูง (hyperbaric chamber)" ทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด
    การยิงแสงเลเซอร์ ทำให้สิ่งหลุดอุดหลอดเลือด (embolus) แตกตัว หลุดออกมาอยู่ในน้ำวุ้นลูกตา
    การให้ยาละลายลิ่มเลือด (thrombolytic agent) ได้แก่ tissue plasminogen activator (tPA) ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ โดยจะให้ภายใน 4 ชั่วโมงครึ่งหลังมีอาการ (สำหรับผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ได้ทัน)
    การให้ยาสเตียรอยด์ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงขมับอักเสบ

นอกจากนี้ หากตรวจพบโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดหัวใจหรือสมอง ภาวะหัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว ต้อหิน เป็นต้น แพทย์ก็จะให้ยารักษาโรคเหล่านี้ร่วมด้วย

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ไม่ได้ผลเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่มีการอุดตันของหลอดเลือดแดงหลักของจอตารุนแรงหรือมีการอุดตันอย่างสมบูรณ์ หรือมาพบแพทย์ช้า (ปล่อยให้มีอาการนานกว่า 4 ชั่วโมง) มักจะเกิดอาการตามืดบอดถาวร

สำหรับผู้ป่วยที่มีการอุดตันของหลอดเลือดแดงหลักของจอตาไม่รุนแรง หรือมีการอุดตันเพียงบางส่วน หรือมีหลอดเลือดแดงแขนง (cilioretinal artery) มาเลี้ยงจอตา อาจมีอาการทุเลาได้หลังมีอาการนาน 2 สัปดาห์ไปแล้ว


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการตามืดมัวเกิดขึ้นฉับพลันทันที โดยไม่มีอาการปวดตา ควรไปปรึกษาแพทย์ทันที

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    ดูแลรักษา ใช้ยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ดูแลรักษาโรคที่เป็นปัจจัยของโรคนี้ (เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น) ให้ได้ผล
    เลิกบุหรี่ (ถ้าสูบบุหรี่)

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการเจ็บหน้าอก หรือแขนขาชาหรืออ่อนแรง
    มีอาการปวดศีรษะรุนแรง ปวดตารุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน ตาแดงหรือตามัวมากขึ้น
    มีสายตา (การมองเห็น) เลวลง หรือมีความวิตกกังวล
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ใช้ยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง คันตา ตาบวม ตาแดง ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

อาจป้องกันด้วยการลดการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) และควบคุมโรคหรือภาวะที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้  ดังนี้

1. บริโภคอาหารสุขภาพ โดยลดอาหารมัน หวาน เค็ม และบริโภคปลา ผัก ผลไม้ ธัญพืชให้มาก ๆ

2. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

3. หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ

4. ไม่สูบบุหรี่

5. หมั่นตรวจสุขภาพเป็นระยะ หากพบว่าเป็นโรคที่เป็นปัจจัยของโรคนี้ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะหัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว หลอดเลือดแดงขมับอักเสบ ภาวะเม็ดเลือดแดงมาก ภาวะเลือดแข็งตัวเร็ว ต้อหิน เป็นต้น ควรรักษากับแพทย์อย่างจริงจัง


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้แม้ว่าจะพบได้น้อย แต่มีความรุนแรงถึงทำให้ตาบอดถาวรได้ ซึ่งมักเกิดเพียงตาข้างเดียว ตาอีกข้างเป็นปกติ บางรายอาจเกิดทั้ง 2 ข้าง ทำให้มองไม่เห็น กระทบต่อคุณภาพชีวิตได้

ดังนั้น เมื่อสังเกตพบว่ามีอาการตามืดมัวเกิดขึ้นฉับพลันทันที ควรรีบไปพบแพทย์ทันที อย่าปล่อยให้มีอาการนานเกิน 4 ชั่วโมง หากมาพบแพทย์ช้าเกินไป การรักษาจะได้ผลน้อย

2. ภาวะหลอดเลือดจอตาอุดตัน (retinal vascular occlusion) อาจเกิดที่หลอดเลือดแดงหรือดำ ที่เป็นหลอดเลือดหลัก (central retinal artery/central retinal vein) หรือหลอดเลือดแขนงย่อย (branch retinal artery/branch retinal vein) ก็ได้ มักมีปัจจัยเสี่ยงและการป้องกันคล้ายกับโรคหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน และมีอาการคล้ายกัน คือ อาการตามืดมัวทันที โดยไม่มีอาการปวดตา (ถ้ามีอาการปวดตาร่วมด้วย มักเกิดจากสาเหตุร้ายแรงอื่น เช่น ต้อหินชนิดเฉียบพลัน)

ภาวะหลอดเลือดจอตาอุดตัน จะมีอาการรุนแรงมากน้อยขึ้นกับตำแหน่งและขนาดของการอุดตัน ถ้าเกิดการอุดตันของหลอดเลือดแดงหรือดำหลัก มักมีอาการมืดมัวทั้งตาอย่างรุนแรงและถาวร ถ้าเกิดที่หลอดเลือดแขนงย่อย มักมีอาการมืดมัวเพียงบางส่วน รุนแรงไม่มากและมักจะทุเลาได้เอง อย่างไรก็ตาม หากมีอาการตามืดมัวฉับพลันทันที ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมตามสาเหตุที่พบ

3. ผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน มักพบว่ามีโรคอื่น ๆ และปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) ร่วมด้วย และอาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจตามมา จึงควรทำการรักษาโรคและควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่พบควบคู่กันไป เพื่อป้องกันไม่ให้โรคนี้กำเริบซ้ำ และป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

15
มอเตอร์โชว์ 2025: Toyota Camry กับ Honda Accord ศึกรถซีดานพรีเมียมสำหรับครอบครัว

ในกลุ่มรถยนต์ D-Segment ที่ยังได้รับความนิยมในไทยก็จะมี Toyota Camry HEV และ Honda Accord e:HEV ซึ่งถือเป็นสองตัวเลือกหลักที่แข่งขันกันอย่างสูสี ทั้งในด้านดีไซน์ สมรรถนะ ความประหยัด และฟังก์ชันสำหรับครอบครัว โดยจะมาชี้ชัดว่าภาพรวมของทั้งสองรุ่น พร้อมแนะนำจากประสบการณ์จริงที่ได้เคยสัมผัสทั้งสองรุ่นว่ารุนไหนดีอย่างไร
 
ภาพรวมของตลาด D-Segment ในปัจจุบัน
รถยนต์ D-Segment ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปล้วนแทบไม่มีเหลือแล้ว ส่วนใหญ่เปลี่ยนไปใช้ระบบ Hybrid เพื่อตอบโจทย์ด้านความประหยัด
ตัวเลือกหลักในตลาดไทยเหลือเพียง Toyota Camry HEV และ Honda Accord e:HEV
รุ่นอื่น ๆ เช่น Mazda 6 ถูกจำกัดเฉพาะรุ่นนำเข้า ซึ่งมีราคาสูงและเน้นกลุ่มเฉพาะ
ราคาและรุ่นย่อย

Toyota Camry HEV
HEV Smart ราคา 1,475,000 บาท
HEV Premium ราคา 1,659,000 บาท
HEV Premium Luxury ราคา 1,809,000 บาท

Honda Accord e:HEV
e:HEV E ราคา  1,529,000 บาท
e:HEV EL ราคา 1,669,000 บาท
e:HEV RS ราคา 1,799,000 บาท
หมายเหตุ : รุ่นท็อปของ Honda มีราคาต่ำกว่า Camry เล็กน้อย แต่มีความโดดเด่นในด้านดีไซน์แบบสปอร์ต
 
 
จุดเปรียบเทียบ    Toyota Camry HEV   Honda Accord e:HEV
ดีไซน์ภายนอก   หรูหรา สไตล์ญี่ปุ่น    สปอร์ต เรียบหรูแนวอเมริกัน
ฟีลลิ่งการขับขี่   นุ่มนวล ขับสบาย     ไว ตอบสนองดี ขับสนุก
อัตราประหยัดน้ำมัน   ~23–24 กม./ลิตร    ~21 กม./ลิตร
ราคา (อ้างอิงจากรุ่นท็อป)   สูงกว่าเล็กน้อย    ถูกกว่านิดหน่อย
ความเหมาะกับครอบครัว    เหมาะมาก โดยเฉพาะเด็กเล็ก    เหมาะสำหรับคนขับที่รักการขับรถ
 
จุดเด่นของแต่ละรุ่น

Honda Accord e:HEV
จุดขายคือรุ่น RS ที่เน้นความสปอร์ต ทั้งยังมีชุดแต่ง Modulo ด้วย
ภายในหรูหรา งานออกแบบลงตัว โดยเฉพาะคอนโซล ช่องแอร์ พวงมาลัย
ระบบขับเคลื่อนตอบสนองดี โหมด EV ใช้งานได้บ่อย
การขับขี่สนุกกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบฟีลสปอร์ต
ข้อเสียที่พบบ่อย: ด้ามเกียร์แบบก้านใหญ่ ดูล้าสมัย / กล้อง LaneWatch อาจรบกวนหน้าจอขณะดูแผนที่

Toyota Camry HEV
ดีไซน์ใหม่สไตล์ Hammerhead ทันสมัย
ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและความสบายของเบาะโดยสาร
อัตราประหยัดน้ำมันสูงกว่าคู่แข่งเล็กน้อย (23–24 กม./ลิตร)
ระบบกล้องรอบคันช่วยเพิ่มความมั่นใจขณะจอดรถ
เหมาะสำหรับครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็ก
ความรู้สึกในการขับขี่

ทั้งสองรุ่นใช้ระบบ Hybrid และมีโหมด EV ช่วยให้ขับเงียบและประหยัดในเมือง

Accord ให้ฟีลลิ่งสปอร์ต การตอบสนองไว โดยเฉพาะโหมด Sport

Camry เน้นขับสบาย เหมาะกับการเดินทางไกลหรือมีผู้โดยสารบ่อย
ความคุ้มค่าและคำแนะนำ
รุ่นกลางของทั้งสองค่ายถือว่า คุ้มค่า ที่สุด เพราะได้ฟังก์ชันเกือบเท่ารุ่นท็อปแต่ประหยัดเงินไปหลักแสน
หากชอบดีไซน์หรูหรา สปอร์ต ควรไปทาง Honda Accord e:HEV RS
หากชอบนุ่มนวล ขับเรื่อย ๆ สบาย ๆ เลือก Toyota Camry Premium
แนะนำให้ทดลองขับก่อนตัดสินใจ เพราะแต่ละคนอาจรู้สึกแตกต่างกันทั้งในเรื่องตำแหน่งเบาะ พวงมาลัย และวัสดุภายใน

ข้อควรระวังในการเลือก
อย่าให้ โปรโมชั่น เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจ
ควรพิจารณาตามความเหมาะสมกับการใช้งานจริงของคุณ เช่น มีลูกเล็ก? ชอบขับเร็ว? ใช้ในเมืองบ่อย?

สรุป
ทั้ง Toyota Camry HEV และ Honda Accord e:HEV ต่างมีจุดแข็งที่ชัดเจน และเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานที่แตกต่างกันเล็กน้อย หากต้องการคำตอบที่แท้จริงที่สุด: ไปทดลองขับเอง แล้วใช้ความรู้สึกของคุณตัดสินใจ เพราะรถคันหนึ่งคือสิ่งที่คุณจะใช้ทุกวันในชีวิตจริงครับ

หน้า: [1] 2 3 ... 130

























































กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

ไม่รู้จะขายอะไรดี
อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า