วิธีรักษาโรคไตเบื้องต้น เพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ชะลอความเสื่อมไตการดูแลรักษาโรคไตเบื้องต้นเพื่อฟื้นฟูสุขภาพและชะลอความเสื่อมของไตเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยหลักการแล้วจะเน้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การควบคุมโรคประจำตัว และการดูแลเรื่องอาหารเป็นหลักครับ
วิธีรักษาโรคไตเบื้องต้น เพื่อฟื้นฟูสุขภาพและชะลอความเสื่อมของไต
ควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดและเหมาะสม:
ลดเค็ม/ลดโซเดียม: เป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการดูแลไต ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด อาหารแปรรูป อาหารหมักดอง อาหารสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว ซุปก้อน ผงชูรส และลดการปรุงอาหารด้วยน้ำปลา เกลือ ซีอิ๊ว ควบคุมโซเดียมไม่เกิน 2 กรัมต่อวัน (เทียบเท่าเกลือ 1 ช้อนชา หรือน้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ)
ควบคุมโปรตีน: ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคไต ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อกำหนดปริมาณที่เหมาะสม การรับประทานโปรตีนมากเกินไปจะทำให้ไตทำงานหนัก แต่ถ้าน้อยเกินไปก็อาจทำให้ขาดสารอาหารได้ ควรเลือกโปรตีนคุณภาพดี เช่น เนื้อปลา ไข่ขาว
จำกัดโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส: ในผู้ป่วยไตบางระยะ อาจต้องจำกัดผักผลไม้บางชนิดที่มีโพแทสเซียมสูง และอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วต่างๆ เบเกอรี่ เครื่องในสัตว์ อาหารทะเลแปรรูป ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ
ควบคุมปริมาณน้ำ: หากไตเริ่มเสื่อมมาก อาจต้องจำกัดปริมาณน้ำดื่ม เพื่อป้องกันภาวะบวมน้ำ ซึ่งแพทย์จะให้คำแนะนำเป็นรายบุคคล
เลี่ยงอาหารไขมันสูง: โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันจากสัตว์ กะทิ เนย และอาหารทอด
ลดน้ำตาล: หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง และอาหารรสหวานจัด เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
รักษาสุขภาพ ควบคุมโรคร่วมให้เป็นปกติ:
ควบคุมโรคเบาหวาน: หากเป็นเบาหวาน ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอย่างเคร่งครัด เพราะน้ำตาลที่สูงจะทำลายไต
ควบคุมความดันโลหิตสูง: ความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น ควรควบคุมความดันให้อยู่ในเกณฑ์ที่แพทย์กำหนด
ควบคุมไขมันในเลือดสูง: ไขมันในเลือดสูงก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลเสียต่อไตและหลอดเลือด
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ:
ควรออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ไม่หักโหมจนเกินไป เช่น การเดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ หรือแอโรบิก อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 3-5 วันต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายช่วยควบคุมน้ำหนัก ความดันโลหิต และระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งล้วนส่งผลดีต่อไต
ระมัดระวังในการใช้ยา:
ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง: ก่อนรับประทานยาใดๆ รวมถึงยาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาสมุนไพร หรืออาหารเสริม เพราะยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้ไตทำงานหนักหรือเสื่อมลงได้
ไม่ซื้อยากินเอง: โดยเฉพาะยาชุด หรือยาที่ไม่มีฉลากชัดเจน
งดสูบบุหรี่และลดหรืองดดื่มแอลกอฮอล์:
การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นอันตรายต่อไตและหลอดเลือด ทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น
ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ:
ในผู้ที่ไตยังไม่เสื่อมมาก การดื่มน้ำเปล่าสะอาด 6-8 แก้วต่อวัน ช่วยให้ไตขับของเสียได้ดีขึ้น แต่หากไตเริ่มเสื่อมมากแล้ว แพทย์อาจแนะนำให้จำกัดปริมาณน้ำดื่ม
พักผ่อนให้เพียงพอ:
การพักผ่อนที่เพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น
ตรวจสุขภาพและพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ:
การตรวจเลือดและปัสสาวะเพื่อประเมินการทำงานของไตอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้แพทย์สามารถติดตามอาการ ปรับการรักษา และให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับระยะของโรคได้ทันท่วงที
ข้อควรจำ: การฟื้นฟูสุขภาพไตและชะลอความเสื่อมของไตต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่วยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างจริงจัง และที่สำคัญที่สุดคือ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไต เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับภาวะของแต่ละบุคคลครับ